ภารกิจของ “นัฟซุซซะกียะฮ์” ในการปรากฏตัวของอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.) และความแตกต่างของเขากับซัยยิดฮะซะนี
  • ชื่อ: ภารกิจของ “นัฟซุซซะกียะฮ์” ในการปรากฏตัวของอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.) และความแตกต่างของเขากับซัยยิดฮะซะนี
  • นักเขียน: Md Naeem Elahi
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 22:12:29 14-9-1403

ภารกิจของ “นัฟซุซซะกียะฮ์” ในการปรากฏตัวของอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.) และความแตกต่างของเขากับซัยยิดฮะซะนี

 

สำหรับการปรากฏตัว (ซุฮูร) และการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) นั้น มีห้าสัญญาณที่จำเป็น กล่าวคือ เป็นสัญญาณที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงก่อนปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) หนึ่งในสัญญาณที่จำเป็นเหล่านั้น คือ “การถูกสังหารของนัฟซุซซะกียะฮ์”

 

“นัฟซุซซะกียะฮ์” คือบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า “มุฮัมมัด บินฮะซัน” ด้วยเหตุผลของการอิบาดะฮ์ (การนมัสการและเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า) และความสมถะอย่างมาก ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ จึงให้ฉายาเขาว่า “นัฟซุซซะกียะฮ์” (ผู้มีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์) เขาสืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของท่านอิหม่ามฮุเซน (อ.) กล่าวอีกสำนวนหนึ่ง ท่านถูกนับว่าเป็น “ซัยยิดฮุซัยนี” (1)

 

แต่บางคนเข้าใจผิดโดยคิดว่า เนื่องจาก “ฮะซัน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากชื่อของเขานั้น คือชื่อของปู่ของเขา ดังนั้นจึงเรียกชื่อเขาว่า “ซัยยิดฮะซะนี” ในขณะที่เขา (นัฟซูซะกียะฮ์) ผู้นี้ เป็นคนละคนกับ “ซัยยิดฮะซะนี” ทั้งนี้เนื่องจากว่า ซัยยิดฮะซะนี คือบุคคลซึ่งเมื่อพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าในการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ได้มาถึง เขาจะรับรู้ข่าวจากผู้ใกล้ชิดบางคนของท่านอิหม่าม (อ.ญ.) ว่า ท่านอิหม่ามต้องการที่จะปรากฏตัว (ซุฮูร) แล้ว

 

ด้วยเหตุนี้เขาจะไปพบท่านอิหม่าม (อ.ญ.) และสอบถามรายละเอียดจากท่าน และท่านอิหม่าม (อ.ญ.) ก็จะแจกแจงให้เขารับรู้ จากนั้นเขาจะยืนหยัดขึ้นต่อสู้ก่อนท่านอิหม่าม (อ.ญ.) จะปรากฏตัว (ซุฮูร) และจะถูกสังหารโดยประชาชน พวกเขาจะส่งศีรษะของเขาไปไปยังเมืองชาม (ซีเรีย) (2) และเช่นเดียวกันนี้ เขา (นัฟซุซะกียะฮ์) ผู้นี้ จะเป็นคนละคนกันกับ “นัฟซุซซะกียะฮ์” ที่ถูกกล่าวถึงในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ ว่าจะเป็นชะฮีด (ถูกสังหาร) ในที่ราบสูงของกูฟะฮ์ (หมายถึงในบริเวณพื้นที่ของเมืองนะญัฟ อัลอัชร็อฟ ซึ่งถูกเรียกว่า “เซาะฮ์รุลกูฟะฮ์”) พร้อมด้วยสหายผู้ช่วยเหลือของเขาอีก 70 คน (3)

 

นักเขียนร่วมสมัยบางท่านได้เทียบเขา (นัฟซูซซะกียะฮ์คนหลังนี้) เข้ากับชะฮีดซัยยิดมุฮัมมัดบากิร อัลฮะกีม และบรรดาสหายของเขา ซึ่งเป็นชะฮีด (ถูกสังหาร) ในเมืองนะญัฟ (ซึ่งเป็นที่ราบสูงของเมืองกูฟะฮ์) (4)

 

* การถูกสังหารของนัฟซูซซะกียะฮ์ คือหนึ่งในสัญญาณที่แน่นอน สำหรับการปรากฏตัว (ซุฮูร) และการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) นั้นมีห้าสัญญาณที่จำเป็น กล่าวคือ เป็นสัญญาณที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงก่อนปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) หนึ่งในสัญญาณที่จำเป็นเหล่านั้น คือ “การถูกสังหารของนัฟซุซซะกียะฮ์” (5)

 

* ภารกิจของนัฟซุซซะกียะฮ์ ตามที่มีปรากฏในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ทั้งหลายนั้น ภารกิจของนัฟซุซซะกียะฮ์ คือการทำหน้าที่ถือสาส์นให้แก่ท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ดังที่ถูกอธิบายไว้ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่งว่า เมื่อท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ปรากฏตัว (ซุฮูร) ขึ้น โดยสื่อของเสียงประกาศจากฟากฟ้า (ซ็อยฮะฮ์) จะทำให้การเรียกร้องเชิญชวนของท่านกลายเป็นสิ่งที่เปิดเผยและครอบคลุมไปทั่วโลก ในช่วงเวลานั้นท่านจะกล่าวกับบรรดาผู้ช่วยเหลือของท่านว่า ประชาชนชาวมักกะฮ์ไม่ต้องการฉัน ฉันจะส่งผู้ถือสาส์นคนหนึ่งของฉันไปเพื่อชี้นำพวกเขา ในขณะที่สมควรอย่างยิ่งที่บุคคลเยี่ยงฉันนี้จะได้กล่าวถึงประเด็นนี้แก่พวกเขาด้วยตัวเอง เพื่อทำให้ข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) เป็นที่สมบูรณ์สำหรับพวกเขา

 

ต่อจากนั้นท่านได้เรียกตัวผู้ช่วยเหลือคนหนึ่งของท่านออกมาและได้กล่าวกับเขาว่า “เจ้าจงไปยังชาวเมืองมักกะฮ์ และจงประกาศกับพวกเขาว่า โอ้ชาวมักกะฮ์เอ๋ย! ฉันคือผู้ถูกส่งมาจากบุรุษผู้หนึ่ง (หมายถึงอิหม่ามมะฮ์ดี)” และท่านผู้นั้นกล่าวมายังพวกท่านว่า “พวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ (ครอบครัว) แห่งความเมตตา และเป็นแหล่งกำเนิดของสาส์น (จากพระผู้เป็นเจ้า) และเป็นผู้สืบสานอำนาจการปกครอง (คิลาฟะฮ์) เราคือลูกหลานของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และเชื้อสายของปวงศาสดา เราถูกกดขี่และประชาชนได้อธรรมต่อเรา พวกเขาทำให้เรากลายเป็นผู้พลัดถิ่นนับจากช่วงเวลาของการเสียชีวิต (วะฟาต) ของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) จวบจนถึงวันนี้ สิทธิของเราถูกแย่งชิงไป บัดนี้เรามีความคาดหวังจากพวกท่านและเราขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงช่วยเหลือเราเถิด”

 

เมื่อเขา (นัฟซุซซะกียะฮ์) ได้เริ่มต้นการประกาศดังกล่าว ประชาชนชาวมักกะฮ์ก็จะจู่โจมเข้าไปยังเขา และพวกเขาจะตัดศีรษะของเขาในระหว่างรุกน์ (มุมของอาคารกะอ์บะฮ์) และมะกอม (อิบรอฮีม) ด้วยวิธีการอันเป็นเฉพาะ (6) นับจากช่วงเวลาของการลงมาของศาสดาอาดัม (อ.) จวบจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีใครที่ได้แสดงการลบหลู่และดูหมิ่นต่ออาคารกะฮ์บะฮ์อย่างร้ายแรงถึงเพียงนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นจะไม่มีข้ออ้างและการให้อภัยใดๆ อีกต่อไปสำหรับคนชั่ว และจะไม่มีผู้ช่วยเหลือใดๆ อีกสำหรับพวกเขาในหน้าแผ่นดินนี้ (7)

 

สิบห้าคืนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เหตุการณ์การยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็จะเกิดขึ้น ดังเช่นที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวว่า “พวกเขาจะสังหารมนุษย์ที่มีเกียรติผู้หนึ่งจากชาวกุเรช ในวันที่มีเกียรติและในเมืองที่มีเกียรติ ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งได้ทรงทำให้เมล็ดพันธุ์งอกเงยขึ้นมา และทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา” หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อำนาจการปกครองของบรรดาผู้อธรรมจะคงอยู่ได้อีกไม่เกิน 15 วัน (8)

 

หลังจากสามเดือนกับเจ็ดวันของปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิหม่ามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ผ่านพ้นไป เมื่อท่านได้ประกาศสาส์นและให้ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างพอเพียง และทำให้ข้อพิสูจน์ (ฮุจญะฮ์) เป็นที่สมบูรณ์แก่ประชาชนแล้ว ท่านก็จะเริ่มต้นภารกิจการเคลื่อนไหวต่างๆ ของท่าน นอกจากนี้ นัฟซุซซะกียะฮ์ ยังมีน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเขาผู้นี้ก็จะเป็นชะฮีด (ถูกสังหาร) ในนครมักกะฮ์เช่นเดียวกัน ดังเช่นที่มีรายงานจากท่านอัมมาร บินยาซิรว่า นัฟซุซซะกียะฮ์และน้องชายของเขาจะถูกสังหาร จากโศกนาฏกรรมดังกล่าวนี้เองที่ทวยเทพ (มะลัก) ผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะป่าวประกาศจากฟากฟ้าว่า “ผู้นำและผู้ปกครองของพวกเจ้าคือมะฮ์ดี และเขาคือผู้ที่จะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสัจธรรมและความยุติธรรม” (9)

 

 

เชิงอรรถ :

 

(1) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 224

 

(2) อัลฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้าที่ 181

 

(3) เมาอูด ชะนอซี, อะลี อัซฆัร ริฎวานี, หน้าที่ 523

 

(4) อัศรุซซุฮูร, อะลี อัลกูรอนี, แปลโดย มะฮ์ดี ฮักกี, หน้าที่ 139

 

(5) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 220

 

(6) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 307

 

(7) อับฆ็อยบะฮ์ , เชคฏูซีย์, หน้าที่ 779

 

(8) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 52, หน้าที่ 234 ; อัลฆ็อยบะฮ์, นุอ์มานี, หน้าที่ 258

 

(9) มุอ์ญะมุล อะฮาดีษ อัลอิมามุลมะฮ์ดี (อ.ญ.), อะลี อัลกูรอนี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 478 ; อัลมะลาฮิม วัลฟิตัน, ซัยยิดอิบนุฏอวูซ, หน้าที่ 132 ; มุนตะค็อบ อัลอะษัร, ซอฟี กุลพอยกานี, เล่มที่ 3, หน้าที่ 67

 

 

แปล/เรียบเรียง : Md Naeem Elahi

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์ซอฮิบซะมาน