ศึกษาอิมามัต ผ่านหนังสือมนุษย์ 250 ปี โดยอิมามคาเมเนอีย์ 13
  • ชื่อ: ศึกษาอิมามัต ผ่านหนังสือมนุษย์ 250 ปี โดยอิมามคาเมเนอีย์ 13
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 0:42:5 2-9-1403

 

ศึกษาอิมามัต ผ่านหนังสือมนุษย์ 250 ปี โดยอิมามคาเมเนอีย์ 13

 

 

มนุษย์ 250 ปี
หมายเลข 77 มุมมองเชิงลึกต่อความศรัทธาและความกล้าหาญของท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ)ในวัยหนุ่ม
หมวดที่ 1 ยุคต้นแห่งอิมามัต
บทที่ 9 ชีวิตและบุคลิกภาพของอมีรุลมุอฺมีนีน อลัยฮิสลาม

ความเดิมตอนที่แล้ว
อิมามคาเมเนอีย์ ชี้ว่า ในช่วงยุคต้น อิสลามนับเป็นแนวคิดใหม่ ซึ่งถือกำเนิดในดินแดนที่ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมและความคิดแบบญาฮิลียะฮ์ หรือ ความอวิชชา ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น มีคนสองกลุ่มที่ยอมรับและมีศรัทธาต่ออิสลาม คนกลุ่มแรก คือ บุคคลผู้ถูกอธรรม บรรดาทาส และผู้ที่ถูกกดขี่ เหตุที่พวกเขายอมรับ เพราะคำสอนอิสลาม คือ คำสอนที่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของพวกเขา และบุคคลกลุ่มที่สอง คือ ผู้ที่ถูกอิสลามดึงดูดเพราะกลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณและวจนะการเผยแพร่ของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อล) ซึ่งในทัศนะของอิมามคาเมเนอีย์ อิมามอาลี คือ แกนนำของบุคคลกลุ่มที่สอง นอกจากนี้ท่านยังชี้ให้เห็นด้วยอีกว่า ในบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดบนโลกใบนี้ อิมามอาลี คือ คนแรกที่เข้าหาศาสดา ก่อนจะมีผู้ใดได้ฟังสิ่งที่ศาสดาพูด ก่อนจะมีผู้ใดรู้จักศาสดา

หัวข้อใหม่ มุมมองเชิงลึกต่อความศรัทธาและความกล้าหาญของท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ)ในวัยหนุ่มตามทัศนะของอิมามคาเมเนอีย์
ท่านคือ กองหน้าแห่งการรู้จักสัจธรรม ,ท่านคือ บุคคลแรกที่แสดงตนต่อประตูแห่งความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า,อิสลามและศาสดาในช่วงเวลาที่ภายใต้ผืนฟ้านั้น ยังไม่มีผู้ใดมีความเชื่อและศรัทธาต่อแนวทางนี้เว้นแต่ตัวของท่านอิมามกับท่านหญิงคอดีญะฮ์ ท่านรับศรัทธาต่อแนวทางในยามที่การรับศรัทธา(ต่ออิสลามในยุค)นั้นเท่ากับการประกาศสงครามกับอำนาจมืดทั้งปวง การรับศรัทธานั้นเท่ากับการประกาศต่อสู้กับระบอบการปกครองของเจ้าผู้ครองนครของแต่ละชนเผ่าในมักกะฮ์และคาบสมุทรอาหรับ จะทำเช่นนี้ต้องการความกล้าเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์(ที่จะยอมรับศรัทธาเช่นนี้ในยุคนั้น) ต้องยอมเหยียบความปรารถนา ความต้องการ ความสะดวกสบาย สวัสดิการต่างๆในชีวิตไว้หากเลือกจะตอบรับคำเชิญชวนนี้ เลือกจะตอบรับหนทางนี้ เลือกจะตอบรับการต่อสู้นี้(ดั่งที่เราได้เห็นในประวัติศาสตร์ของการรับอิสลามในยุคแรก ที่มุสลิมต้องเผชิญกับการคว่ำบาตร การกดดัน การกลั่นแกล้งและการกดขี่) และท่านอมีรุลมุอฺมีนีน(อ) ก็คือ บุคคลผู้เลือกที่จะตอบรับคำเชิญดังกล่าว และยืนหยัดต่อการตอบรับอย่างหนักแน่นและท่านยังได้ใช้ทั้งชีวิตของตนรับมือกับทุกปัญหาและอุปสรรคที่ปรากฎอยู่ในหนทางนั้นอีกด้วย
เรื่องราวการรับศรัทธาของอมีรุลมุอฺมีนีน(อ) ในวัย ๙,๑๑, หรือ ๑๓ ปี ต่อศาสดาผู้ทรงเกียรติ เป็นเรื่องราวที่ในทัศนะของข้าพเจ้าแล้ว มันคือ ความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกท่านคิดว่า เรื่องเช่นนี้ต้องใช้ความกล้าเพียงเล็กน้อยกระนั้นหรือ ? ไม่เลย ความกล้าหาญ หมายถึง พลังอันแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเมื่อเผชิญหน้ากับทุกภยันตราย หากมีคำกล่าวว่า อาลีคือผู้กล้าหาญที่สุดมากกว่าผู้ใด คำกล่าวนั้น ย่อมหมายถึง ผู้ที่เลือกพูดวลีหนึ่งในวันที่โลกพูดอีกวลีหนึ่ง และคนทั้งโลกเลือกที่จะใช้ความรุนแรง เลือกที่จะเข้าปะทะเพื่อรักษาคำพูดนั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่อาจทำให้เขา(อาลี)เลือกที่จะไม่พูดได้เลย (เปรียบเหมือนคนกลุ่มเล็กที่ยืนหยัดในคุณธรรมในสังคมที่คนพันคน เลือกที่จะต่อสู้และเข่นฆ่าเพื่อรักษาค่านิยมที่อธรรมของตนเองไว้  แม้จะโดนคุกคาม ข่มขู่ ประนาม กดดัน เข่นฆ่าเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้หัวใจของพวกเขาหวั่นไวได้เลย)

 สรุปประเด็นในตัวบท
อิมามคาเมเนอีย์ ชี้ว่า เรื่องที่เราทุกนิกายต่างก็รับรู้ดีคือ อิมามอาลี(อ) คือ ชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม ท่านชี้ให้เห็นว่า เรื่องความศรัทธานี้มีมุมมองที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น เพราะ การศรัทธาต่ออิสลามในยุคนั้น คือ การประกาศทำสงครามกับอำนาจมืด และชนเผ่าที่ยังคงยึดมั่นในวิถีแห่งอวิชชา ซึ่งแสดงนัยว่า การศรัทธาต่ออิสลามในยุคนั้น คือ การประกาศทำสงครามกับอำนาจมืดทั้งหมดของโลกใบนี้ และต้องเตรียมใจล่วงหน้าว่า ต่อแต่นี้ไปหากเลือกหนทางนี้ ฝ่ายที่เป็นศัตรูจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อสกัดและยับยั้งแนวทางนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นเช่นนั้น อมีรุลมุอฺมีนีน(อ)ก็ไม่มีความหวั่นเกรงใดๆเลย และนั่นคือ ข้อพิสูจน์ว่าทำไม เราถึงเรียกอิมามอาลี ว่า ชายผู้ที่กล้าหาญที่สุดในโลกใบนี้

อ้างอิง มนุษย์ 250 ปี เล่ม 3 หน้า 78-79