จุดประสงค์ของการสร้างมนุษย์คืออะไร?
ถ้าเป้าหมายคือความสมบูรณ์แบบ ทำไมพระเจ้าจึงไม่สร้างให้มนุษย์สมบูรณ์แบบเสียทีเดียว?
คำตอบโดยย่อ
พระเจ้าเป็นสิ่งดำรงอยู่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดและมีความสมบูรณ์แบบทั้งหมด การสร้างคือความโปรดปรานหนึ่ง พระองค์คือพระผู้ทรงให้ความโปรดปราน ความโปรดปรานอย่างสมบูรณ์ของพระองค์ให้พระองค์สร้างทุกสิ่งที่สมควรจะถูกสร้างขึ้น พระเจ้าจึงทรงสร้าง เพราะพระองค์ทรงโปรดปรานยิ่ง นั่นคือจุดประสงค์และเหตุผลของการสร้างของพระองค์ เนื่องจากคุณลักษณะของพระเจ้าคือสิ่งเดียวกับแก่นแท้และอัตลักษณ์ของพระองค์ จึงกล่าวได้ว่าจุดประสงค์ของการสร้างสรรค์คือแก่นแท้และอัตลักษณ์ของความเป็นพระเจ้า
พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีแนวโน้มภายในสองอย่างคือความดีและความชั่ว และมีผู้เรียกร้องเชิญชวนสู่ความดีและความชั่วจากภายนอกสองอย่าง ได้แก่ ศาสดา และชัยฏอน ที่สามารถนำพามนุษย์ไปถึงระดับสูงสุดของการสร้างที่สมบูรณ์แบบและดิ่งลงสู่ความเสื่อมทรามในระดับที่ต่ำที่สุด หากมนุษย์ผู้หนึ่งเดินตามเส้นทางแห่งความดีทั้งๆ ที่มีแนวโน้มที่ดึงสู่ความเป็นสัตว์เดรัจฉานและการล่อลวงที่ชั่วร้าย ผู้นั้นจะมีสถานะที่เหนือกว่าทูตสวรรค์ (มะลาอิกะฮ์)เพราะพวกเขา(มะลาอิกะฮ์)ไม่มีความโน้มเอียงที่จะดึงสู่ความเป็นสัตว์เดรัจฉานและการล่อลวงที่ชั่วร้าย และหากมนุษย์เลือกเส้นทางแห่งความชั่ว เขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะมะลาอิกะฮ์ไม่มีความสามารถทางจิตวิญญาณเหมือนดั่งเช่นมนุษย์
ถ้าพระเจ้าสร้างมนุษย์มาตั้งแต่ต้นด้วยความสมบูรณ์แบบทั้งหมด ซึ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ที่จะสร้างเช่นนั้น ไม่ถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบโดยสมัครใจสำหรับเขา และพระเจ้าได้ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตก่อนหน้าพวกเขาที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมดตั้งแต่ต้นมาแล้ว ดังนั้น เป้าหมายของการสร้างมนุษย์จะสำเร็จได้เมื่อมนุษย์มีศักยภาพมุ่งสู่ความสมบูรณ์แบบและบรรลุมันด้วยการกระทำโดยความสมัครใจของเขา ผู้ไม่เชื่อและคนบาปที่ถูกกีดกันไม่ให้บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ศึกษาจุดประสงค์หลักของการสร้างมนุษย์ - ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า - แต่พวกเขาไม่ได้คัดค้านจุดประสงค์ของการสร้างมนุษย์ เพราะพระเจ้าต้องการให้พวกเขาเลือกทางที่ถูกหรือผิด ถ้าพระเจ้าทำให้เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเลือกเส้นทางแห่งความผิดพลาด ศรัทธาและการเชื่อฟังของเขาจะไม่เป็นไปโดยสมัครใจ
คำตอบโดยละเอียด
เพื่อชี้แจงคำตอบ ต้องให้ความสำคัญกับประเด็ตต่างๆต่อไปนี้:
ก) จุดประสงค์ของพระเจ้าในการสร้าง
1.อัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งทรงเป็นภวันต์จำเป็น (วาญิบุลวุญูด) เนื่องจากสภาวะภวันต์ของพระองค์นั้นไม่ทรงต้องพึ่งพาและขึ้นอยู่กับสิ่งใดทั้งสิ้น พระองค์มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมด ไม่มีข้อจำกัดและข้อบกพร่องใดๆ สำหรับพระองค์
2.หนึ่งในความสมบูรณ์แบบของพระองค์คือความโปรดปรานและความเมตตาของพระองค์ ดังที่มีในอัลกุรอานว่า:
وَمَا كَانَ عَطَاءُ رَبِّكَ مَحْظُورًا
" และการประทานให้ของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นมิถูกหวงห้าม (แก่ผู้ใด)”
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพไม่มีข้อจำกัด ใดๆ ในการให้ ดังนั้นหากพระองค์ไม่ให้นั่นก็เนื่องจากการมีข้อจำกัด พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ย่อมให้แก่ทุกสิ่งที่สมควรจะได้รับ
3.ความดีและความสมบูรณ์ทุกอย่างเป็นสิ่งที่อยู่ ส่วนความชั่วและความบกพร่องทั้งหมดมาจากการไม่มี ตัวอย่างเช่น ความรู้คือความดีและความสมบูรณ์แบบ และความเขลาคือความไม่ดีและความไม่สมบูรณ์ ในทำนองเดียวกัน ความเข้มแข็งคือความสมบูรณ์แบบและความดี ตรงกันข้ามกับความอ่อนแอและความไร้ความสามารถ ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่เป็นภวันต์นั้นเป็นสิ่งที่ดี และตรงกันข้ามกับมันคือความชั่วและความบกพร่องซึ่งคือภาวะความว่างเปล่า
4.จากการทั้งสามข้อข้างต้น เห็นได้ว่าความโปรดปรานของพระเจ้าจะเกิดขึ้นโดยการสร้าง ดังนั้นผลที่ตามมาของความโปรดปรานของพระเจ้าคือการสร้างนั่นเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากสิ่งที่ควรค่าแก่การสร้างแต่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง ถือว่าการไม่สร้างนี้เป็นการหวงห้ามจากความดี โดยพิจารณาถึงความดีของภวันต์ และถือว่าเป็นความตระหนี่ซึ่งไม่ใช่คุณลักษณะของความเป็นพระเจ้า สรุปได้จากทั้งสี่ข้อนี้ว่าหากมีคนถาม อะไรเป็นเหตุให้พระเจ้าสร้าง? ตอบได้ว่าความโปรดปรานของพระองค์ทำให้เกิดการสร้างต่างๆ ขึ้นมา
5.คุณลักษณะของพระเจ้าไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากแก่นแท้ของพระเจ้า คุณลักษณะของมนุษย์และสรรพสิ่งอื่น ๆ นั้นไม่ใช่เป็นสิ่งเดียวกันกับแก่นแท้ ตัวอย่างเช่น แอปเปิ้ลมีหนึ่งแก่นแท้ ส่วนสีแดงและความหวานเป็นคุณลักษณะของมัน สีแดงและความหวานนี้อยู่เหนือไปจากแก่นแท้ของแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลสามารถเปรี้ยวและเขียวแทนคุณลักษณะเหล่านี้ในขณะที่แก่นแท้ของความเป็นแอปเปิ้ลก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างแก่นแท้ของพระเจ้ากับคุณลักษณะของพระเจ้านั้นเป็นประเด็นเชิงลึกเกี่ยวกับเทววิทยา ซึ่งสามารถศึกษาทำความเข้าใจได้ในศาสตร์ด้านเทววิทยา ในหัวข้อเอกภาพด้านคุณลักษณะของพระเจ้า สิ่งสำคัญสำหรับเราในที่นี้คือความโปรดปรานซึ่งเป็นสาเหตุสูงสุดของการสร้าง คือแก่นแท้เดียวกันกับอาตมัน(ซาต)ของพระเจ้าและไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากแก่นแท้ของพระองค์ ถ้าถามว่าพระเจ้าสร้างมาทำไม? เราก็จะตอบว่า: เพราะพระองค์คือพระเจ้า ดังนั้นเหตุสุดท้าย อันที่จริงแล้วคือพระเจ้านั่นเอง ซึ่งคือคำพูดของนักปรัชญาที่กล่าวว่า: เหตุสุดท้ายและเหตุของผู้กระทำในการกระทำของพระเจ้าเป็นอันเดียวกัน [2] และความหมายนี้ได้มาจากบางโองการของอัลกุรอาน [3]
وَإِلَيْهِ يُرْجَعُ الْأَمْرُ كُلُّهُ
“และกิจการงานทั้งมวดล้วนถูกคืนกลับยังพระองค์”
ข) พระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์
สิ่งที่กล่าวไปแล้วคือจุดประสงค์ของผู้กระทำในหลักของการสร้าง แต่จุดประสงค์ของผู้กระทำในการสร้างสิ่งมีชีวิตที่เฉพาะเจาะจง เช่น มนุษย์ จำเป็นต้องมีประเด็นพิเศษ ประเด็นพิเศษเกี่ยวกับมนุษย์คือ ความสมบูรณ์แบบพิเศษที่พระเจ้าประสงค์สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างมนุษย์
อธิบายได้ว่าความโปรดปรานอันสมบูรณ์ของพระเจ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระองค์ในการที่จะสร้างความสมบูรณ์แบบทุกอย่างที่เป็นไปได้ ก่อนสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เรียกว่ามะลาอิกะฮ์ ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบที่เป็นไปได้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มสร้าง นั่นคือมะลาอิกะฮ์ทั้งหมดมีความสมบูรณ์แบบครบถ้วนในบัดดล ดังนั้นพวกเขาจะไม่รับความสมบูรณ์แบบใหม่อีกเลย พวกเขาจะไม่พัฒนาระดับภวันต์ของพวกเขาอีกต่อไป พระเจ้าตรัสผ่านเหล่าทูตสวรรค์ว่า
وَمَا مِنَّا إِلَّا لَهُ مَقَامٌ مَعْلُومٌ ﴿۱۶۴﴾
وَإِنَّا لَنَحْنُ الصَّافُّونَ ﴿۱۶۵﴾
وَإِنَّا لَنَحْنُ الْمُسَبِّحُونَ ﴿۱۶۶﴾
“และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเรา(มะลาอิกะฮ์)นอกจากเขาต้องมีตำแหน่งอันเป็นที่รับรู้”
“และแท้จริง เรานั้นเป็นผู้อยู่ในแถว(ขอผู้เคารพภักดี)อยู่แล้ว”
“และแท้จริง เรานั้นเป็นผู้แซ่ซ้องถวายความบริสุทธิ์(แด่อัลลอฮ์)”
อิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า: "จากนั้นพระองค์ทรงเปิดชั้นฟ้าทั้งหลายเบื้องบนและเติมเต็มด้วยมะลาอิกะฮ์ต่างๆ มีมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่งอยู่ในท่าสัจญ์ดะฮ์โดยไม่ก้มโค้งรุกุอ์ และกลุ่มหนึ่งอยู่ในท่าก้มรุกุอ์โดยไม่ยืน และกลุ่มหนึ่งยืนเป็นแถวโดยไม่แตกแถว และกลุ่มหนึ่งจะกล่าวแซ่ซ้องถวายความบริสุทธิ์อยู่อย่างนั้นโดยไม่เหนื่อย" [6]
และนี่คือรูปแบบความสมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานให้แก่มะลาอิกะฮ์ และพวกเขาไม่สามารถฝ่าฝืนและต่อต้านได้ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพตรัสว่า:
لَا يَسْبِقُونَهُ بِالْقَوْلِ وَهُمْ بِأَمْرِهِ يَعْمَلُونَ ﴿۲۷﴾
“พวกเขาจะไม่ชิงกล่าวคำพูดก่อนพระองค์ และพวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์” [7]
พระองค์ตรัสอีกว่า:
عَلَيْهَا مَلَائِكَةٌ غِلَاظٌ شِدَادٌ لَا يَعْصُونَ اللَّهَ مَا أَمَرَهُمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ ﴿۶﴾
"มีมะลาอิกะฮ์ผู้เกรี้ยวกราดดุดันอยู่เหนือไฟนรกนั้น พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงมีบัญชาให้พวกเขาทำ และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ได้รับพระบัญชา"[8]
เพราะความโปรดปรานของพระองค์ จึงสร้างความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าความสมบูรณ์แบบที่มะลาอิกะฮ์มี และนั่นคือความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ที่ไปสู่ความสมบูรณ์นั้นด้วยความสมัครใจ กล่าวคือ เป็นการสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบได้ด้วยความตั้งใจและทางเลือกของเขาเอง พระองค์จึงทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผู้ที่ไม่มีความสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เขาอยู่ในลักษณะที่สามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบเหล่านั้นได้ด้วยความสมัครใจและเลือกของเขาเอง เป็นที่ชัดเจนว่าความสมบูรณ์แบบที่มนุษย์ได้มาโดยการเลือกอย่างอิสระของเขานั้นเหนือกว่าความสมบูรณ์แบบที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ทูตสวรรค์(มะลาอิกะฮ์)
อิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงสร้างปัญญาให้มลาอิกะฮ์ แต่ไม่ใส่ราคะ(ชะฮ์วัต)ในพวกเขา และพระองค์ทรงสร้างให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีราคะแต่ไม่ได้ใส่ปัญญาไว้ในพวกมัน และพระองค์ทรงสร้างปัญญาและราคะให้อยู่ในมนุษย์” ดังนั้น ใครก็ตามที่ปัญญาเอาชนะราคะของเขาได้ เขาย่อมประเสริฐกว่ามะลาอิกะฮ์ และใครก็ตามที่ราคะเอาชนะปัญญาของเขา ผู้นั้นย่อมต่ำกว่าสัตว์ทั้งหลาย"[9]
ค) ทำไมพระเจ้าไม่สร้างมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบ?
จากที่กล่าวทำให้เข้าใจได้ว่า เป้าหมายของการสร้างมนุษย์จะบังเกิดขึ้นได้เมื่อมนุษย์มีศักยภาพที่จะบรรลุความสมบูรณ์แบบ และบรรลุได้ด้วยเจตจำนงเสรีของเขาเอง หากมนุษย์มีความสมบูรณ์แบบนั้นตั้งแต่แรกก็ไม่ถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบโดยสมัครใจของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักของการสร้าง
สิ่งที่ควรค่าคือว่าแม้การก้าวไปสู่ขั้นบันไดแห่งพัฒนาการของมนุษย์เพียงขั้นเดียวก็ถือเป็นความสมบูรณ์แบบโดยสมัครใจ และเท่ากับได้บรรลุสู่เป้าหมายหลักของการสร้างแล้ว เพราะเขาได้ก้าวไปด้วยความสมัครใจและด้วยเจตจำนงเสรีของเขาเอง
ง) คนที่ไม่เชื่อและเป็นบาป
หากบุคคลไม่ปีนขึ้นไปบนบันไดแห่งการพัฒนาสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูร์แม้แต่ขั้นเดียว และเขาใช้ชีวิตไปทั้งชีวิตด้วยกับการไม่เชื่อ ทำบาป และฝ่าฝืน เขาก็ยังไม่ได้ก้าวออกจากจุดประสงค์ของการทรงสร้าง เพราะเขาทำให้ใช้ศักยภาพของเขาให้บังเกิดขึ้น มนุษย์สามารถลงไปสู่ระดับต่ำสุด พระเจ้าได้ทรงสร้างเขาในแบบที่เขาสามารถเลือกเส้นทางแห่งความสมบูรณ์แบบหรือความทุกข์ยากได้ ดังนั้นแม้แต่มนุษย์ที่ทำบาปและไม่เชื่อ เขาก็ไม่ได้ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ขัดกับพระประสงค์ในการสร้างสรรค์ของพระเจ้า เพราะเขาได้ทำบาปและไม่เชื่อด้วยกับการเลือกและเจตจำนงของเขาเอง ซึ่งก็ยังอยู่ในเส้นทางแห่งเป้าหมายการสร้างของพระองค์
พระเจ้าทรงตอบรับการพัฒนาของมนุษย์จนถึงระดับความสมบูรณ์ และไม่ทรงรับการตกสู่ห้วงขุมแห่งความผิดพลาด กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในการสร้างมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพมีความปรารถนาทางด้านนัย(ตักวีนี)ในการพัฒนาสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์: กล่าวคือมนุษย์ทุกคนสามารถใช้ศักยภาพของตนไม่ว่าในทางที่ดีหรือไม่ดี ส่วนความปรารถนาทางกฎข้อบังคับ(ตัชรีอี)ของเขา คือการที่มนุษย์ต้องใช้ศักยภาพของเขาไปเส้นทางแห่งความสมบูรณ์แบบเท่านั้น
จากที่กล่าวมานี้สามารถกล่าวได้ว่า ผู้ศรัทธาได้บรรลุเป้าหมายการสร้างทั้งทางด้านนัย(ตักวีนี-การสร้างมนุษย์ให้มีเสรีภาพในการเลือกทำดีและทำไม่ดี) และทางด้านกฎข้อบังคับ แต่สำหรับผู้ไม่ที่ไม่ศรัทธาและคนบาป แม้ว่าเขาจะไม่บรรลุเป้าหมายทางด้านกฎข้อบังคับ(ตัชรีอี) แต่เขายังอยู่บนเส้นทางทางด้านนัย (เป้าหมายการสร้างของพระองค์ที่ให้มนุษย์เลือกสู่ความสมบูรณ์ด้วยเจตจำนงเสรีของตน) นั่นเอง
อ้างอิง
[1]. اسراء، 20.
[2]. ر. ک: طباطبایی، سید محمد حسین، المیزان فی تفسیر القرآن، ترجمه، موسوی همدانی، سید محمد باقر، ج 8، ص 61، قم، دفتر انتشارات اسلامی، چاپ پنجم، 1374ش؛ مصباح یزدى، محمد تقى، معارف قرآن، خداشناسی، کیهانشناسی، انسانشناسی، ج 1 - 3، ص 170 – 179، قم، مؤسسه آموزشی و پژوهشی امام خمینی، چاپ دوم، 1378ش.
[3]. بقره، 210؛ آل عمران، 109؛ انفال، 44؛ حج، 76؛ فاطر، 4؛ حدید، 5.
[4]. هود، 123.
[5]. صافات، 164 و 166.
[6]. سید رضی، محمد بن حسین، نهج البلاغه، محقق، صبحی صالح، ص 41، خ 1، قم، هجرت، چاپ اول، 1414ق.
[7]. انبیاء، 27.
[8]. تحریم، 6.
[9]. شیخ صدوق، علل الشرائع، ج 1، ص 4، قم، کتاب فروشی داوری، چاپ اول، 1385ش.
เชคอิมรอน พิชัยรัตน์/เรียบเรียง