พระเจ้าสร้างเรามาทำไม? (อีกมุมคิด)
กล่าวได้ว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนสำหรับเราว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ในการสร้างเราอย่างไร? พระองค์บอกแต่เพียงสิ่งที่พวกเราควรทำในโลกนี้ นั่นคือการนมัสการ(อิบาดัต)ต่อพระองค์ เช่นเดียวกับที่มะลาอิกะฮ์และญินเคยนมัสการพระเจ้ามาแล้ว แตกต่างกันที่พลังแห่งการนมัสการของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่และสูงกว่ามาก แต่สุดท้ายพระเจ้าก็ไม่ได้ต้องการการนมัสการ(อิบาดัต)เหล่านี้เลย จึงเห็นได้ว่าเหล่ามะลาอิกะฮ์กล่าวกับพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ว่า หากพระองค์มีประสงค์ที่จะสร้างมนุษย์เพื่อการนมัสการ พวกเราก็นมัสการต่อพระองค์อยู่แล้ว!! เรื่องนี้มีระบุไว้ในอัลกุรอาน พระองค์ไม่ทรงปฏิเสธหรือยืนยันคำพูดของเหล่ามะลาอิกะฮ์ สุดท้ายก็ไม่ได้บอกว่าทรงสร้างมนุษย์มาทำไม! แต่พระองค์บอกเพียงแค่ว่า "ข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้"
คำถามที่เกิดขึ้นคือ บรรดาศาสดาเองรู้เหตุผลในการสร้างอาดัมและลูกๆ ของพวกเขาหรือไม่? พวกเขารู้หรือไม่ว่าพวกเราควรจะตระหนักถึงสิ่งนี้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของศาสดาคือการอธิบายบทบัญญัติและหน้าที่ของพวกเรา การบอกความลับนี้มีผลกับความสุขของพวกเราหรือไม่อย่างไร? แต่ผู้บรรดาศาสดากลับปิดบังพวกเราอย่างนั้นหรือ?! แล้วบรรดาศาสดาเองล่ะ? พวกเขารู้สาเหตุของการสร้างหรือไม่! พวกเขารู้จุดประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องนี้หรือไม่! เป็นไปได้ที่อาจกล่าวว่าเป้าหมายของการสร้างสรรค์พวกเขาคือเพื่อการชี้นำผู้คนให้มายังพระเจ้า! แต่ประเด็นคือการนำทางผู้คนสู่พระเจ้าเป็นหน้าที่ของพวกเขา ไม่ใช่เป้าหมายของพระเจ้าในการสร้างพวกเขา!
ไม่ว่าพวกเราจะค้นหาในแหล่งศาสนาสักเท่าใดก็ไม่พบสิ่งใดในเรื่องนี้ที่ว่าบรรดาศาสดาได้สนทนากับพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนำมาบอกแก่ผู้คน สิ่งที่ได้รับจากคัมภีร์กุรอานและหะดีษ และความเชื่อมั่นของพวกเราคือพระเจ้าได้กล่าวถึงหลายครั้งในคัมภีร์กุรอาน คือ พระองค์ทรงเตือนพวกเขาถึง“หน้าที่ของศาสดา” ทรงให้บรรดาศาสดาของพระองค์มีความพากเพียรในการนี้และไม่ลดละความพยายามใด ๆ แต่ไม่ทรงแจ้งให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของพระองค์เกี่ยวกับเป้าหมายการสร้างสิ่งมีชีวิตรวมทั้งตัวพวกเขาเอง แต่ทรงบอกถึงหน้าที่ของบรรดาศาสดาเท่านั้น
ด้านหนึ่งการที่ไม่ทรงแจ้งเรื่องเหล่านี้ไว้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะนอกจากกรณีนี้แล้วยังมีอีกหลายกรณีที่พระเจ้าไม่ได้แจ้งให้พวกเราทราบอ เช่น พระองค์ไม่ได้บอกว่าโลกก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร หรือในอนาคตหลังจากสวรรค์และนรก โลกจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงหรือชีวิตจะดำเนินต่อไปในแบบที่ต่างออกไป หรือหากชีวิตดำเนินต่อไป! เชิงคุณภาพและปริมาณของมันจะเป็นเช่นไร? . . คำถามที่ยังไม่ได้ตอบอีกหลายพันคำถามที่ไม่เป็นประโยชน์มากนักสำหรับคนที่รู้หน้าที่ตนเอง
แน่นอน เป็นไปได้ว่าบางคนตั้งคำถามเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อพยายามหนีหน้าที่ พวกเขาถามในลักษณะของกลุ่มปัญญาชนว่า: พระเจ้าต้องการการนมัสการของพวกเราอย่างนั้นหรือจึงได้สร้างพวกเรามาให้นมัสการพระองค์? และเมื่อพวกเขาได้ยินคำตอบเชิงลบ พวกเขาก็จะตอบว่า ฉันจะไม่ทำการนมัสการใดๆ จนกว่าฉันจะรู้ว่าพระเจ้าสร้างฉันมาเพื่ออะไร!!
ต้องบอกว่า การโต้แย้งและข้อสรุปดังกล่าวเป็นความผิดโดยพื้นฐาน เพราะหากการโต้แย้งนี้ถูกต้อง ไม่มีใครควรใช้ประโยชน์จากสิ่งใดจนกว่าเขาจะรู้ถึงจุดประสงค์ของบางสิ่ง ตัวอย่างเช่น คนที่ซื้อรถก็จะบอกว่า "ฉันจะไม่ขับมันจนกว่าฉันจะรู้ว่ารถคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร? และจุดประสงค์ของการผลิตมันคืออะไร!! หรือฉันจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือจนกว่าฉันจะเข้าใจว่าโรงงานแห่งหนึ่งมีจุดประสงค์อะไรในการผลิตโทรศัพท์มือถือขึ้นมา! ค่อนข้างชัดเจนว่าการมองปรัชญาของการสร้างสรรค์แบบนี้คือการหลีกหนีจากการปฏิบัติหลักศาสนกิจ ไม่ใช่เพื่อเพิ่มพูนความรู้
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่มีความบกพร่องและขัดสน มองดูทุกเรื่องในแง่ของการสนองความต้องการของตน โดยมองตนเองเป็นที่ตั้ง ก่อนที่จะพูดหรือการกระทำใดๆ พวกเขาจะทำการพิจารณาว่า "งานนี้มีประโยชน์อะไรสำหรับฉัน" “ถ้าไม่มีประโยชน์ ก็จะไม่ทำ หรือทำมันอย่างไม่เต็มใจ
มนุษย์ก็นำตรรกะนี้มาใช้เกี่ยวกับเหตุแห่งการสร้างสรรค์ของพระเจ้า กล่าวคือ คิดว่าตนเองได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นจึงคิดแทนพระเจ้าว่า พระองค์ได้ประโยชน์อะไรจากการสร้างฉันขึ้นมา? เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าทรงมั่งมีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจีงทรงไม่ต้องการอะไร พวกเขาจึงนำเสนอการนมัสการของมนุษย์ขึ้นเป็นเป้าหมายและกล่าวว่าปรัชญาของการสร้างสรรค์มนุษย์คือการนมัสการพระเจ้า!
ทว่าอีกประเด็นที่ตามมาคือ "การนมัสการของฉัน" ได้บรรเทาความต้องการของพระเจ้าได้อย่างไร? เขาได้ให้คำตอบกับตัวเองว่าการนมัสการนี้ไม่ได้ขจัดความต้องการจากพระเจ้าหรอก แต่มันทำให้ผู้นมัสการนั้นสูงส่งขึ้น
แต่คำตอบนี้ก็ไม่ได้แก้ปัญหาของนักสืบค้นหาคำตอบเช่นกัน เพราะคำถามของเราคือเป้าหมายของการสร้างสรรค์มนุษย์ในตอนแรกคืออะไร? ไม่ใช่จุดที่มนุษย์ควรจะไปถึงหลังจากถูกสร้างขึ้นมา!
นอกจากนี้เมื่อครั้งที่ไม่มีมนุษย์อยู่เลยที่ต้องการไปถึงระดับสูงสุดหลังจากถูกสร้างขึ้น ดังนั้นจึงย้อนกลับมาที่คำถามแรกเหมือนเดิมว่าทำไมพระเจ้าจึงสร้างมนุษย์ที่ไม่มีมาก่อนให้เกิดขึ้นมา?
อีกคำตอบที่ได้รับคือพวกเขากล่าวว่าพระเจ้าทรงมีความโปรดปรานและเหมือนตาน้ำที่ล้นปรี่ ทรงส่งความไพบูลย์ขยายความสง่างามของพระองค์ให้กับสิ่งมีชีวิตอยู่เสมอ และให้เหตุผลสำหรับการสร้างมนุษย์ว่ามาจากความโปรดปรานของพระเจ้า!
มีคนถามว่าการให้ความโปรดปรานแก่สิ่งมีชีวิตเป็นข้อบังคับหรือเป็นทางเลือกสำหรับพระเจ้า หากเป็นทางเลือก คำถามก็คือว่า ทำไมพระเจ้าจึงสร้างพวกเราขึ้นมาจากความโปรดปรานที่เป็นทางเลือกของพระองค์?
ประวัติความเป็นมาของคำถามนี้และคำตอบที่ไม่รู้จบนี้ ย้อนกลับไปก่อนการสร้างศาสดาอาดัมที่เหล่ามะลาอิกะฮ์ถามพระเจ้าว่าทำไมพระองค์จึงประสงค์สร้างสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ขึ้น? และพระเจ้าได้ให้คำตอบที่เหมาะสมแก่พวกเขา คำตอบที่ทำให้พวกเขาเชื่อมั่น!! "ข้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้"
สัจธรรมก็คือแทนที่จะแสวงหา "เป้าหมายแห่งการสร้างสรรค์" ได้แสวงหา "การรู้หน้าที่ของตน" เพื่อปฏิบัติตามสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้ทำ
อิมรอน พิชัยรัตน์...