ทำไมต้องกล่าวหานบี ศ็อลฯ ว่าเพ้อเจ้อ!(อะอูซุบิลลาฮ์) เมื่อครั้งที่ท่านสั่งให้เอาปากกาและน้ำหมึกมาเพื่อบันทึกสิ่งสำคัญ?
  • ชื่อ: ทำไมต้องกล่าวหานบี ศ็อลฯ ว่าเพ้อเจ้อ!(อะอูซุบิลลาฮ์) เมื่อครั้งที่ท่านสั่งให้เอาปากกาและน้ำหมึกมาเพื่อบันทึกสิ่งสำคัญ?
  • นักเขียน: เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 5:50:34 2-9-1403

ทำไมต้องกล่าวหานบี ศ็อลฯ ว่าเพ้อเจ้อ!(อะอูซุบิลลาฮ์) เมื่อครั้งที่ท่านสั่งให้เอาปากกาและน้ำหมึกมาเพื่อบันทึกสิ่งสำคัญ?



ตอนหนึ่งในประวัติศาตร์ตามตำราที่ถูกบันทึกเอาไว้ทั้งซุนนีย์และชีอะห์ขณะที่ท่านนบีใกล้เสียชีวิต ท่านได้สั่งให้สาวกผู้ใกล้ชิดของท่านให้เอาปากกาและน้ำหมึกมาเพื่อที่ท่านจะจดบันทึกสิ่งสำคัญให้ประชาชาติได้ปฏิบัติตามกันและจะไม่ได้หลงทางภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้วนั้น
ข้อสังเกตุจากการปฏิเสธคำสั่งของท่านนบี ศ็อลฯ ที่เกิดขึ้นเมื่อท่านสั่งให้เอาปากและน้ำหมึกมาแต่ถูกปฏิเสธด้วยการกระทำของคอลีฟะฮ์ท่านที่สองและสาวกบางคนของท่านนบีซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น
ทำไม่คอลีฟะฮ์จึงต้องแสดงปฏิกิริยาเช่นนั้น ที่ว่า...
« إنّ النبيّ - صلى اللّه عليه وسلم - قد غلب عليه الوجع ، وعندكم القرآن حسبنا كتاب اللّه»
"ความป่วยได้ปกคลุมท่านนบีไปหมดแล้ว(คำสั่งนบีเสมือนคนพูดไร้สติ) คำภีร์กุรอานก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเรา"
อ้างอิง:
صحيح البخاري ، ج 7 ص 9 ، كتاب المرضى باب قول المريض قوموا عنّى ؛ و ج 5 ص 137 كتاب المغازي ، باب مرض النبي - صلى اللّه عليه وسلم - ووفاته ؛ صحيح مسلم فى آخر كتاب الوصيّة ، ج 5 ، ص 76 . .
หรือในบางรายงานคอลีฟะฮท่านที่สอง กล่าวว่า..
 « إنّ رسول اللَّه - صلى اللّه عليه وسلم - يهجر » ، نستجير باللّه ، ( كبرت كلمة تخرج من أفواههم)
"นบีได้เพ้อเจ้อไปแล้ว!!" จึงได้พูดสิ่งนั้นออกมา"
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเรื่องจริง และปฏิเสธไม่ได้ทุกครั้งที่ท่านอิบนิ อับบาส นึกถึงเหตุการณ์นั้นน้ำตาของท่านต้องหลั่งใหลออกมาทุกทีท่านพูดว่า..
عن ابن‏ عبّاس قال : « يوم الخميس وما يوم الخميس ، ثمّ جعل تسيل دموعه حتّى رأيت على خدّيه كأنّها نظام اللؤلؤ قال : قال رسول اللّه : ائتونى بالكتف والدواة ( او اللوح والدواة ) اكتب لكم كتاباً لن تضلّوا بعده أبداً فقالوا : إنّ رسول اللّه - صلى اللّه عليه وسلم - يهجر » .
"ในวันพฤหัสบดี(วันที่นบีป่วยหนัก) เป็นวันที่อัปยศสิ้นดี เมื่อท่านรอซูลได้สั่งให้เอาปากกาและหมึกมาให้ท่าน เพื่อที่ท่านจะจดบันทึกสิ่งสำคัญอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ต้องการประชาชาติได้หลงทางภายหลังจากท่านเสียชีวิต แต่พวกเขา(สาวกบางคน)กลับกล่าวขึ้นว่า นบีเพ้อเจ้อไปแล้ว(ไม่ต้องทำตามในสิ่งที่ท่านสั่ง)"
อ้างอิง:
صحيح مسلم ، ج 5 ، ص 76 كتاب الوصيّة باب ترك الوصية لمن ليس عنده شي‏ء ، صحيح البخارى ، ج 4 ص 31 ، كتاب الجهاد والسير . .
#จากหลักฐานในตำราศออี้ย์มุสลิที่อ้างข้างต้นนี้ มีคำถามที่จะถามถึงสาเหตุของการให้ร้ายและปฏิเสธต่อคำสั่งนบี ดังนี้...
1-คอลีฟะฮท่านที่สองแสดงปฏิกิริยาเช่นนั้นต่อท่านนบี มันไม่ค้านกับอัลกุรอ่านที่พระองค์ได้รับรองถึงคำพูดและการกระทำของท่านนบีดอกเหรอที่ว่า...
ما ينطق عن الهوى إن هو إلّا وحي يوحى
"นบีไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาด้วยอารมณ์และความรู้สึกของท่านเองเลย เว้นแต่สิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นมาจากวะฮยูของพระองค์ทั้งสิ้น"
2-คอลีฟะฮ์กล่าวว่า กรุอานเพียงพอแล้วสำหรับเราคำพูดนี้ไม่ค้านกับการกระทำของตนเองดอกเหรอ? เพราะสิ่งที่นบีต้องการจะบันทึกนั้นเป็นสิ่งสำคัญส่งผลต่อประชาชาติโดยรวมทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่คนใดคนหนึ่ง เพราะการกล่าวอ้างเช่นนั้นของคอลีฟะฮเกี่ยวพันแค่ตัวเขาเอง ไม่ได้รวมถึงประชาชาติคนอื่นๆ ฉนั้น สิ่งที่นบีต้องการบันทึก คือสุนนะฮที่แท้จริงที่ประชาติจำเป็นต้องเชื่อและปฏิบัติตาม
3-การคัดค้านของคอลีฟะฮต่อคำสั่งนบี ไม่เป็นการคัดค้านคำสั่งของกรุอานดอกเหรอ ที่ว่า...
ما آتاكم الرسول فخذوه و ما نهاكم عنه فانتهوا..
"จงปฏิบัติและเชื่อฟังในคำสั่งนบี(สิ่งที่ท่านนำมา) และจงออกห่างในสิ่งที่นบีได้ห้ามปรามไว้" (หัชร์/7)
4-บุคคอรีย์ได้บันทึกไว้ว่า ประชาชนอยู่รอบกายท่านนบีพวกเขาขึ้นเสียงและโต้แย้งกันต่อหน้านบีอย่างหนัก พวกเขาทำเช่นนั้นไม่ค้านกับคำสั่งของกรุอานดอกเหรอ ซึ่งอัลกรุอานได้ห้ามในการกระทำเช่นนั้นแก่พวกเขาเพราะจะทำให้การงานของพวกเขาต้องสูญเสีย พวกเขาไม่รู้ดอกเหรอ?
يا أيّها الذين آمنوا لا ترفعوا أصواتكم فوق صوت النّبى ولا تجهروا له بالقول كجهر بعضكم لبعض أن تحبط أعمالكم وأنتم لا تشعرون
"ผู้ศรัทธาทั้งหลาย อย่าได้ยกเสียงของพวกเจ้าเหนือเสียงของนบี และอย่าพูดเสียงดังกับเขา เยี่ยงการพูดเสียงดังของบางคนของพวกเจ้ากับอีกบางคน เพราะเกรงว่าการงานต่างๆของพวกเจ้าจะต้องสูญเสียไป โดยพวกเจ้าไม่รู้ตัว"
(อุจรอต/2)
5-การคัดค้านของสาวกและไม่ยอมรับในสิ่งที่นบีสั่งนั้น เท่ากับการคัดค้านและต่อท้านคำสั่งของอัลกรุอาน
ซึ่งกรุอานได้สั่งให้เชื่อฟังในสิ่งที่นบีพูดและสิ่งที่นบีได้สั่งยอมรับในสิ่งนั่นโดยจำยอม ใครที่คัดค้านและต่อต้านเท่ากับเขาไม่ใช่มุฮมินผู้ศรัทธาที่แท้จริง...
فلا وربّك لا يؤمنون حتّى يحكّموك فيما شجر بينهم ثمّ لا يجدوا في‏أنفسهم حرجاً ممّا قضيت ويسلّموا تسليماً
"พวกเขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใดๆในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไป และพวกเขายอมจำนนด้วยดี"(นิสา /65)
#กล่าวคือ: มีใจเห็นชอบตามที่ท่านนบีตัดสินทุกอย่าง เช่นนี้พวกเขาจึงจะอยู่ในฐานะผู้ศรัทธา คำถามของเรื่องที่เกิดขึ้นการคัดค้านการตัดสินใจของนบี พวกเขาคือผู้ศรัทธาเหรอ?!!
6-ท่านนบีตัดสินใจที่จะบันทึกสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชาติได้ยึดและปฏิบัติตามและไม่หลงทางภายหลังจากท่านเสียชีวิตไปแล้ว คำถามมีว่า การคัดค้านสิ่งที่นบีสั่งนั้นไม่เป็นเหตุให้ประชาชาติต้องหลงทางดอกเหรอ?!!
เมื่อนบีสั่งเช่นนี้ พวกท่านไม่เชื่อในสิ่งนั้น หรือว่าจะเชื่อและปฏิบัติตาม แต่หากพวกท่านไม่เชื่อและไม่ยอมที่จะปฏิบัติตาม ก็เท่ากับพวกท่านต้องการให้มีการหลงทางและแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มๆเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน เหมือนที่เห็นในยุคปัจจุบัน!!
7-ในวันนั้นนอกเหนือจากคอลีฟะฮและสาวกบางคนที่คัดค้านคำสั่งนบีแล้ว ยังมีสาวกบางคนที่เหลือคงสนับสนุนในคำสั่งนบีและอยากให้ท่านนบีได้บันทึกในสิ่งที่ท่านต้องการเพื่อไม่ให้หลงทางหลังจากท่าน...
منهم من‏يقول : قرّبوا يكتب لكم‏النبي -صلى‏اللَّه عليه وسلم- كتاباً لا تضلّوا بعده ومنهم من يقول : ما قال عمر
อ้างอิง:
صحيح البخارى ، ج 7 ، ص 9 ، كتاب المرضى باب قول المريض قوموا عنّى ؛ صحيح مسلم ، ج 5 ، ص 75 ، آخر كتاب الوصية
แม้กระทั้งบรรดาสตรีของท่านนบีก็ยังคัดค้านในสิ่งที่อุมัรพูด พวกนางต่อต้านในสิ่งนั้น พวกนางเห็นด้วยกับสิ่งที่นบีสั่ง...
فقالت النسوة من وراء الستر : ألا تسمعون ما يقول رسول اللّه؟! قال عمر : فقلت إنّكنّ صواحبات يوسف ، إذا مرض رسول اللّه ، عصرتنّ أعينكنّ ، وإذا صحّ ، ركبتنّ عنقه! قال : فقال رسول اللَّه : دعوهنّ فإنهنّ خير منكم
บรรดาสตรีที่อยู่หลังม่านกั้น กล่าวขึ้นว่า พวกท่านไม่ได้ยินสิ่งที่นบีสั่งกระนั่นเหรอ? คอลีฟะฮแย้งกล่าวขึ้นว่า พวกท่านเปรียบดังผู้ที่รักนบียูซุฟ(เป็นการเปรียบเปรยว่าไม่รักนบีจริง) พอนบีป่วยใข้พวกนางจะร้องให้ แต่พอนบีสบายดีขึ้นพวกท่านจะอยู่เหนือนบี"
อ้างอิง:
الطبقات الكبرى لابن سعد ، ج‏2 ، ص 244 ، المعجم الأوسط للطبراني ، ج 5 ص 288 ؛ مجمع‏الزوائد للهيثمى الشافعى ، ج 9 ص 34 ؛ كنز العمال ، ج 5 ص 644 ، ح 14133 .
จากนั้นนบีกล่าวขึ้น(กับบรรดาสตรี)ว่า อย่าคัดค้านพวกเขา!!ปล่อยพวกเขาไป เพราะพวกเขาดีกว่าพวกเจ้า!!
มันเกิดอะไรขึ้น คอลีฟะฮและพรรคพวกในวันนั้นคือผู้ชนะ แต่ข้อเท็จจริงแล้วสองกลุ่มนี้กลุ่มหนึ่งเคียงข้างและสนับสนุนนบีแต่อีกกลุ่มต่อต้านในสิ่งที่นบีสั่ง ระหว่างทั้งสองกลุ่มนี้ใครคือผู้คัดค้านคำสั่งของกรุอานและสุนนะฮของท่านนบีกันแน่?!!
8-จากคำพูดของท่านอับบาส ถึงเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นนั้น จากท่านได้กล่าวว่า เป็นวันที่สุดอัปโยค หมายถึงเช่นไร?
การร้องให้ของท่านอิบนิอับบาส จากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่เพียงแต่เห็นถึงการกระทำที่ไม่ดีงามของสาวกบางท่านเท่านั้น แต่ผลของการกระทำเช่นนั้นของสาวกจะส่งผลต่อสังคมของประชาติในวันข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านจึงร้องให้ออกมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้!!
إنّ الرزيّة كلّ الرزيّة ما حال بين رسول اللّه - صلى اللّه عليه وسلم - وبين أن يكتب لهم ذلك الكتاب من اختلافهم ولَغَطهم
อ้างอิง:
صحيح البخارى ، ج 8 ، ص‏161 ، كتاب الاعتصام بالكتاب والسنة ، باب كراهية الخلاف
9-ตัวท่านนบีเองได้ถูกหยิบยกสถานะให้สูงส่งดังที่ว่า...
 « إنّك لعلى خلق عظيم »
"แท้ที่จริงตัวของเจ้า มีจริยะธรรมอันสูงส่ง"
สาวกได้ฝ่าฝืนคำสั่งนบีในวันนั้น ก็เท่ากับฝ่าคำสั่งพระองค์เช่นกันไม่ใช่เหรอ?!!จนกระทั้งเป็นเหตุให้นบีไม่พอใจและขับใล่พวกเขาออกจากบ้านไป...
فلمّا أكثروا اللغط والاختلاف عند النبىّ قال لهم رسول اللّه - صلى اللّه عليه وسلم - قوموا ( عنّى )
อ้างอิง:
صحيح البخارى ، ج 7 ، ص 9 ، كتاب المرضى باب قول المريض قوموا عنّى
การกระทำของสาวกในวันนั้นไม่ค้านกับอายะฮ์ที่ว่านี่เหรอ?!! ซึ่งพระองค์กล่าวว่า:
إنّ الذين يؤذون اللّه ورسوله لعنهم اللّه في‏الدنيا والآخرة وأعدّ لهم عذاباً مهيناً
"บุคคลที่กดขี่และทำร้ายพระองค์และรอซูลนั้น พระองค์จะทรงสาปแช่งพวกเขาทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮ และจะลงโทษพวกเขาอย่างแสนสาหัส"(อะห์ซาบ /57)
ทำไมพวกเขาจึงกระทำได้ขนาดนั้น?!!
10-หากพิจรณาไปยังคำพูดของคอลีฟะฮในวันนั้น(วันที่คัดค้านนบี)ที่ว่านบีเพ้อเชื่อถือไม่ได้ไร้แก่นสารแล้วไซร้ ถามว่าทำไมในตอนที่นบีจะเสียชีวิตท่านนบีได้สั่งให้อบูบักรไปนำนมาซ พวกท่านเชื่อคำสั่งนั้น ทั้งไปที่นบีสั่งท่านอยู่ในภาวะเดียวกันกับที่ท่านสั่งให้พวกเขาไปเอาปากกาและน้ำหมึก!! วันนั้นท่านสั่งอาอิชะฮว่า :
مروا أبا بكر فليصلّ
"ช่วยบอกอบูบักร์ ให้นำนมาซที่มัสยิด"
ทำไมพวกท่านไม่อ้างว่านบีเพ้อเจ้อบ้างล่ะ!!!
 อ้างอิง:
صحيح البخاري ، ج 1 ص 162 كتاب الأذان ، با وجوب صلاة الجماعة وص 165 باب أهل العلم والفضل أحقّ بالإمامة
11- ชาวสุนนะฮ์เองต่างรู้ดีว่าตอนที่คอลีฟะฮท่านแรกป่วยใกล้เสียชีวิตเขาต้องการจะวะศียัตสั่งเสียในเรื่องของผู้นำ(ให้คอลีฟะฮคนที่สองขึ้นแทนที่)และเมื่อเขาฟื้นรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็ยังเรียกหาเพื่อจะบันทึกพินัยกรรมเรื่องผู้นำให้กับคอลีฟะฮคนที่สองสานต่อ แต่ไม่มีใครกล้าพูดหรือคัดค้านอะไรในวันนั้น:
لما حضرت أبا بكر الصديق الوفاة دعا عثمان بن عفان فأملى عليه عهده ، ثم أغمي على أبي بكر قبل أن يملي أحدا فكتب عثمان عمر بن الخطاب ، فأفاق أبو بكر فقال لعثمان كتبت أحدا ؟ فقال : ظننتك لما بك وخشيت الفرقة فكتبت عمر بن الخطاب فقال : يرحمك اللَّه ، أما لو كتبت نفسك لكنت لها أهلا.
อ้างอิง:
كنز العمال ، ج 5 ، ص 678 ؛ تاريخ مدينة دمشق لابن عساكر ، ج 39 ، ص 186 و ج 44 ، ص 248 ر . ك : تاريخ الطبرى ، ج 2 ص 353 ؛ سيرة عمر لابن الجوزى : 37 ؛ تاريخ ابن خلدون ، ج 2 ص 85
ที่สำคัญคือ ในวันที่นบีป่วยใข้ก่อนที่จะเสียชีวิตท่านต้องการปากกาและน้ำหมึกเพื่อบันทึกสิ่งสำคัญ แต่สาวกบอกว่านบีเพ้อเจ้อไปแล้วไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งที่นบีต้องการมาให้ท่าน แต่คอลีฟะฮคนแรกก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขาต้องการที่จะทำสิ่งนี้เช่นกัน แต่ไม่มีใครเลยที่จะหาว่าเพ้อเจ้อเหมือนกับที่พวกเขาได้ใส่ร้ายท่านนบี!! เป็นเรื่องที่แปลกมาก...
عن إسماعيل بن قيس ، قال : رأيت عمر بن الخطاب وهو يجلس والناس معه وبيده جريدة وهو يقول : « أيّها الناس اسمعوا وأطيعوا قول خليفة رسول اللّه إنّه يقول : إنّى لم آلكم نصحاً قال : ومعه مولى لأبى بكر يقال له : شديد ، معه الصحيفة التى فيها استخلاف عمر»
อ้างอิง:
تاريخ الطبري ، ج 2 ص 618
12-ท่านฏอบรอนี ท่านซิยูฏีย์ และท่านซะฮาบีย์ อุลมาชาวสุนนะฮ พวกเขาได้กล่าวว่า...
ما اختلفت امّة بعدنبيّها إلّا ظهر أهل‏باطلها على‏أهل‏حقّها
"ไม่มีประชาชาติใดหลังจากนบีของพวกที่มีความขัดแย้งกัน เว้นแต่จะมีกลุ่มชนที่หลงผิดจะชนะกลุ่มชนที่สัจธรรม"
กล่าวคือทุกๆประชาชาติหลังจากนบีของพวกแล้วนั้น จะมีกลุ่มชนที่หลงทางมีจำนวนมากกว่าและจะอยู่เหนือกลุ่มชนที่ยืนเคียงข้างสัจธรรมเสมอ...
อ้างอิง:
المعجم‏الأوسط ، ج 7 ص 370 ، الجامع الصغير للسيوطي ، ج 2 ص 481 ، مجمع الزوائد ، ج 1 ص 157 ، سير أعلام النبلاء ، ج 4 ص 311 ؛ تذكرة الحفاظ ، ج 1 ص 87 ، عن الشعبي وليس في سنده موسى بن عبيدة
ในเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นที่สะกีฟะฮ์วันที่คอลีฟะฮท่สนแรกและคอลีฟะฮท่านที่สองได้รับการเลือกให้เป็นผู้นำ ในวันนั้นพวกเขาได้รับการเลือกตั้งและมีคนคอยสนับสนุน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า การเป็นผู้นำของพวกเขา คือสิ่งที่เป็นสัจธรรมไม่!เพราะการได้มาของพวกเขาไม่ได้มาจากพระองค์และนบีเป็นผู้แต่งตั้ง...
สุดท้ายแล้วการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์และรอซูล รวมไปถึงอะลุลบัยต์และแบบฉบับสุนนะฮที่นบีได้สั่งเสียไว้ คือทางเดียวที่จะทำให้ประชาชาติรอดพ้นจากการหลงทาง หาใช่ทางอื่นใดไม่..
คำถาม.. แล้วใครคือผู้ที่พระองค์และรอซุลแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำเหนือประชาชาติในยุคสุดท้าย?!!!

เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม