วิเคราะห์ทัศนะอิบนุตัยมียะฮ์ ว่าด้วยเรื่องพระเจ้า ตอนที่ 2
บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ
ความเชื่อเรื่อง อัลลอฮ์ทรงมีเรือนร่าง (ตัจญะซีม – تَجْسيْمٌ)
มุชับบิฮะฮ์ (مشبهة) คือ กลุ่มที่เปรียบอัลลอฮ์เหมือนมัคลูก หรือเปรียบมัคลูกเหมือนอัลลอฮ์
มุญัซซิมะฮ์ (مجسمة) คือ กลุ่มที่เชื่อว่า อัลลอฮ์ มีเรือนร่างอวัยวะเช่น มี มือ มีเท้า มีใบหน้า
ตัจญะซีม เป็นความเชื่อเกี่ยวกับอัลลอฮ์ที่บาติ้ล คือ ใช้ไม่ได้ ไม่ถูกต้อง
ความเชื่อนี้ได้รับอิทธิมาจากชาวยิว ที่ถ่ายทอดความเชื่อของพวกเขาสู่โลกมุสลิมตั้งแต่ยุคสามร้อยปีแรกแห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช เรียกว่า “อิสรออิลีย๊าต – นิทานยิว” นักเล่านิทานยิวตัวยงเช่น กะอับ อัลอะห์บาร และ วะฮับ บิน มุนับบิฮ์ เป็นต้นฯ
คนที่มีความเชื่อเช่นนี้เรียกว่าพวก “มุญัซซิมะฮ์” ซึ่งพวกเขาก็คือพวก “มุชับบิฮะฮ์” นั่นเอง
คนกลุ่มนี้เชื่อว่า อัลลอฮ์ (ตะอาลา) ทรงมีเรือนร่าง รูปลักษณ์ สัณฐานในลักษณะ เพศชาย นั่งประทับบนกุรซีบ้าง บนอารัชบ้าง ซึ่งเราจะพบคำอธิบายของคนกลุ่มนี้วนเวียนอยู่ในตำราของพวกเขา ที่อธิบายเกี่ยวกับอะกีดะฮ์-ความเชื่อและเรื่องเตาฮีด(การมอบความเป็นเอกะแด่อัลลอฮ์)
ผู้อ่านจะพบเห็นความเชื่อผิดๆเหล่านี้อยู่ในตำราที่อ้างว่าเป็นตำราที่อิหม่ามอะหมัด บิน ฮัมบัลแต่ง ชื่อ “กิตาบ อัซซุนนะฮ์” ในตำรานี้ถือว่าเป็นพยานหลักฐานเพียงพอแล้วสำหรับแนวคิดของพวกมุญัซซิมะฮ์
พวกมุญัซซิมะฮ์และมุชับบิฮะฮ์นี้จะยืนยันว่า อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงมีอวัยวะ และพวกเขาได้เรียกลักษณะดังกล่าวว่า เป็น ซีฟะฮ์(ซีฟัต-คุณลักษณะของอัลลอฮ์)เช่น ยะดุน-มือ / อะซอบิ๊ห์-นิ้วมือ / วัจญะฮุน-ใบหน้า / ซาก-หน้าแข้ง/ กอดัม-ขา / ริจญะลุน-เท้า / อัยนุน-ดวงตา / ญัมบุน-สีข้าง / ญูลูส-การนั่ง / ฮะรอกะฮ์-การเคลื่อนไหวไปมา / ฮัดดุน-มีขอบเขต / ญิฮะตุน/มีทิศทาง เป็นต้นฯ
ลักษณะดังกล่าวนี้คือลักษณะของสิ่งใหม่ หรือสิ่งที่ถูกสร้าง
คนกลุ่มนี้ได้อาศัยกุรอ่านและฮะดีษบางส่วนมาอ้างอิงในความเชื่อของพวกเขา เช่น
يَدُ اللَّهِ فَوْقَ أَيْدِيهِمْ
ยะดุน(มือ)ของอัลลอฮ์ทรงอยู่เหนือมือของพวกเขา [48.10]
الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى
(อัลลอฮ์) ผู้ทรงเราะห์มาน ทรง (อิสติวาอ์) สถิตย์อยู่บนบัลลังก์ [20.5]
كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ
ทุกสิ่งย่อมพินาศ ยกเว้น วัจญะฮุน(ใบหน้า)ของพระองค์ [28.88]
يَوْمَ يُكْشَفُ عَنْ سَاقٍ
วันที่”ซ๊าก-หน้าแข้ง”จะถูกเลิกขึ้น [68.42] เป็นต้นฯ
บรรดานักวิชาการอิสลามตั้งแต่สมัยสามร้อยปีแรก ได้ทำการตะอ์วีล-ตีความ โองการกุรอ่านเหล่านี้ด้วยความหมายที่มอบความบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ตะอาลา เช่น ยะดุน หมายถึง กุดเราะฮ์-อำนาจของอัลลอฮ์ เป็นต้น
สาเหตุที่นักวิชาการมุสลิมส่วนมากได้กล่าวว่า ความเชื่อกลุ่มมุญัซซิมะฮ์นี้เป็นความเชื่อที่เสียหาย ไม่ถูกต้องก็เพราะ ความเชื่อนี้ได้ทำให้อัลลอฮ์ (ตะอาลา) ทรงมี ญิซมุน-เรือนร่าง
ญิซมุน-เรือนร่างนั้นจำเป็นต้องเป็นสิ่งที่มีขอบเขตและถูกจำกัด เรียกว่า “มะห์ดู๊ด” ดังนั้นสิ่งที่เป็น”มะห์ดู๊ด” จึงไม่ใช่ “อัลลอฮ์”
สิ่งที่มีขอบเขตคือ มุมกิน ที่ต้องการพึ่งพาไปยังสิ่งอื่นในการดำรงอยู่ และสิ่งที่ห้อมล้อมมันนั้นย่อมแข็งแกร่งกว่ามัน
ประการต่อมา ญิซมุน – สิ่งที่มีเรือนร่าง ตั้งอยู่บนมิติทั้งสามคือ กว้าง,ยาว,สูง นั่นหมายความว่า สิ่งนั้นต้องมีสภาวะเป็นสสารวัตถุและมีรูปร่าง
ขณะที่อัลลอฮ์(ตะอาลา) ทรงมีความเพียงพอไม่พึ่งพาสิ่งใด อัลลอฮ์ไม่ถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตเพราะอัลลอฮ์ไม่มีที่สิ้นสุด แต่อัลลอฮ์คือผู้สร้างวัตถุสสาร เรือนร่าง และรูปลักษณ์ทั้งหลาย
อัลลอฮ์(ตะอาลา)คือผู้ทรงดลบันดาลให้วัตถุสสารทั้งหลายมีลักษณะที่ต้องการเนื้อที่ในการดำรงอยู่ แล้วอัลลอฮ์ผู้สร้างจะมีลักษณะเช่นสิ่งที่พระองค์สร้างมาได้อย่างไรเล่า ?
تعالى الله عما يقول الظالمون علوّاً كبيراً
อัลลอฮ์ ทรงสูงส่ง เหนือจากสิ่งที่พวกเขากล่าว ทรงสูงส่ง อย่างใหญ่หลวง
โปรดติตตามตอนต่อไป
ขอขอบคุณ เฟซบุ๊ก Javad Savangvan