บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่23
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่23
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 16:22:46 3-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่23

 

สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม
ภาคที่ 4
เข้าสู่เมืองบัศเราะฮ์และพบเจอกับเชคอุมัร อัฏ-ฏออีย์
เมื่อข้าพเจ้าได้มาถึงเมืองบัศเราะฮ์ก็ได้เข้าสู่มัสญิดแห่งหนึ่ง ซึ่งมัสญิดที่ได้เลือกนั้นเป็นมัสญิดที่มีผู้รู้จากพี่น้องชาวอะฮ์ลิลซุนนะฮ์เชื้อสายอาหรับและผู้รู้คนนั้นมีชื่อว่าเชคอุมัรอัฏ-ฏออีย์
 ข้าพเจ้าได้ทำความรู้จักและผูกสัมพันธ์ไมตรีกับเขา แต่ทว่าช่วงแรกๆ เขาได้สงสัยและคลางแคลงในตัวของข้าพเจ้า จึงได้ซักถามเรื่องเชื้อสาย เผ่าพันธุ์และอื่นๆ ข้าพเจ้าคิดว่าสาเหตุแห่งความคลางแคลง สงสัยในครั้งนี้นั้นเพราะว่าผิวพรรณและสำเนียงภาษาการพูดจาของข้าพเจ้า แต่ทว่าข้าพเจ้าก็สามารถรอดพ้นจากข้อสงสัยต่างๆเหล่านี้ของเชคได้เกือบทุกครั้ง
 ข้าพเจ้าได้แนะนำตัวกับเชคว่าเป็นชาวเมืองอิคเดียร์ ในตุรกีและเป็นลูกศิษย์ของเชคอะหมัด และเป็นลูกจ้างของช่างไม้ที่ชื่อว่าคอลิด โดยที่ข้าพเจ้าได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบเจอในประเทศตุรกีทั้งหมดให้เขาฟังเพื่อให้เขาหมดความสงสัยในตัวข้าพเจ้า บางครั้งข้าพเจ้าได้เล่าเป็นภาษาตุรกีให้กับเขา และในขณะนั้นเขาได้เหลียวมองไปยังอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเพื่อส่งสัญญาณว่า ข้าพเจ้าได้พูดภาษาตุรกีได้อย่างถูกต้องหรือไม่? และเขาผู้นั้นก็ได้ส่งสายตาบอกว่า ใช่เขาพูดภาษาตุรกีได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
 ข้าพเจ้ามีความปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากที่สามารถทำให้เชคไว้วางใจในตัวข้าพเจ้าได้ แต่แล้วความดีอกดีใจในครั้งนี้ มันได้สลายลงอีกครั้ง เพราะว่าถัดจากนั้นไม่นาน เชคก็ยังมองข้าพเจ้าด้วยความคลางแคลงสงสัยอีกว่าข้าพเจ้าเป็นสายลับของตุรกี  ก็เพราะว่าหลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ประจักษ์ว่า เชคมีความขัดแย้งกับผู้ว่าการเมืองบัศเราะฮ์ที่ได้ถูกแต่งตั้งมาจากจักรวรรดิออตโตมาน (อุษมานียะฮ์) ซึ่งก็ได้มีการใส่ร้ายป้ายสีและคิดไม่ซื่อระหว่างทั้งสองฝ่าย  ในที่สุดข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกจากมัสญิดของเชคอุมัร แล้วก็ได้หาโรงเตี้ยม(ที่พัก) และได้เช่าห้องๆ หนึ่งที่นั้น
ทุกๆ เช้ามืดที่ได้เวลานมาซซุบห์ เจ้าของโรงเตี้ยมจะมายืนเคาะประตูหน้าห้องข้าพเจ้า ซึ่งมันเป็นการรบกวนเวลานอนที่มีความสุขของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก  โดยที่เขาจะทำการเคาะประตูอย่างแรง  ทำให้ข้าพเจ้าจำยอมตื่นขึ้นมา เพื่อให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน และข้าพเจ้าก็ได้ทำการนมาซซุบฮ์ พร้อมกับเขา หลังจากที่ได้นมาซเสร็จเรียบร้อย เจ้าของโรงแรมก็ได้สั่งให้ข้าพเจ้าอ่านคัมภีร์อัล-กุรอานจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น
 ทำให้ข้าพเจ้าต้องพูดกับเขาว่า การอ่านคัมภีร์อัล-กุรอานถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น (ไม่วาญิบ) แล้วเหตุใดจึงต้องมีการบังคับด้วย? เขาตอบว่าผู้ใดก็ตามที่ได้หลับนอนในเวลานี้แล้ว มันจะนำมาซึ่งความขัดสนและความอับโชคแก่เขาผู้นั้นและเจ้าของโรงเตี้ยมอีกด้วย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องเชื่อฟังเขาเท่านั้น เพราะเขาได้ขู่บังคับว่า หากไม่ปฏิบัติแล้วก็จะต้องย้ายออกจากที่นี่ จึงทำให้ข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่อาซานเพื่อนมาซ และหลังจากนั้นทุกๆ วันก็ต้องอ่านอัล-กุรอานให้ได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่ง
 แต่ทว่าปัญหาอุปสรรคสำหรับข้าพเจ้ามิได้หยุดเพียงเท่านี้ เพราะมีอยู่วันหนึ่งเจ้าของที่พักซึ่งมีชื่อว่า มุรซิด อะฟันดัม ได้เข้ามาหาข้าพเจ้าและบอกว่า จากวันที่ข้าพเจ้าได้เข้ามาพักในสถานที่แห่งนี้ ทำให้เขาต้องพบกับปัญหาอุปสรรคปัญหาต่างๆ นานา ซึ่งตัวอุปสรรคปัญหานี้นั้น ไม่มีผู้อื่นใดนอกจากตัวข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ายังโสด ยังไม่ได้แต่งงาน ซึ่งการเป็นโสดคือสิ่งที่ชั่วร้าย ดังนั้นหากต้องการที่จะพักอาศัยในที่นี้อีกก็จะต้องแต่งงาน หากมิเช่นนั้นแล้วก็จะต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ข้าพเจ้าพูดกับเขาว่า ข้าพเจ้าไม่มีเงินแล้วจะแต่งงานได้อย่างไร ? ในครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะอ้างว่า หมดสมรรถภาพทางเพศ เพราะเกรงว่าเมื่ออ้างเช่นนั้นแล้วอาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเปิดดูอวัยวะของข้าพเจ้าเพื่อทำการตรวจสอบว่าจริงหรือเท็จ? เพราะคนอย่างมุรซิด อะฟันดัม ที่มีอุปนิสัยเช่นนั้นสามารถกระทำได้ทุกอย่างและทุกรูปแบบ จากนั้นเขาก็ได้พูดว่าโอ้ผู้ที่มีศรัทธาอ่อนแอ คุณไม่เคยอ่านโองการนี้ดอกหรือที่กล่าวว่า ……หากพวกเขายากจน อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ (ซูเราะฮ์อันนูร โองการที่ 32) 
 มันทำให้ข้าพเจ้ายิ่งสับสนขึ้นอีกว่าจะทำอย่างไรที่สามารถจะตอบเขาได้? จนในที่สุดได้บอกเขาว่า โอเค ข้ายอมรับแต่ทว่า เมื่อยังไม่มีเงินทองแล้วจะแต่งงานได้อย่างไร?คุณสามารถให้ข้าฯ ยืมเงินคุณก่อนได้ไหม?หรือว่าคุณสามารถหาผู้หญิงมาแต่งงานกับข้าฯ ได้โดยไม่มีสินสอดทองหมั้น? มุรซิดถึงกับครุ่นคิดสักชั่วขณะจากนั้นได้พูดว่าผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร แต่ผมจะให้คุณเลือกระหว่างว่าจะต้องแต่งงานให้ได้ก่อนวันที่ 1 ของเดือนรอญับหรือไม่ก็จะต้องออกจากสถานที่แห่งนี้ ซึ่ง ยังมีเวลาเหลือเพียงแค่ 25 วันเท่านั้นก่อนจะถึงวันที่ 1 ของเดือนรอญับ   เพราะว่าในวันนั้นเป็นวันที่ 5 ของเดือนญะมาดิลษานีย์
 ข้าพเจ้าถือว่าเห็นสมควรที่จะต้องรู้ถึงลำดับเดือนของอิสลาม ซึ่งเดือนแห่งอิสลามมีดังต่อไปนี้ มูฮัรรอม-ซอฟัร-รอบิอุลเอาวัล- รอบิอุลษานีย์-ญะมาดิลเอาวัล-ญะมาดิลษานีย์ -รอญับ-ชะอ์บาน-รอมฎอน-เชาวาล-ซุลเกาะอ์ดะฮ์-ซุลฮิจญะฮ์ เดือนต่างๆ ของอิสลามนั้นจะนับตามการมองเห็นของดวงจันทร์ (จันทรคติ) ซึ่งจะมีช่วงวันไม่เกิน 30 วัน และจะไม่น้อยกว่า 29 วัน
 ในที่สุดข้าพเจ้า จำต้องยอมในคำสั่งของอะฟันดัม และได้พบเจอกับช่างไม้คนหนึ่งและก็ได้ทำสัญญากับเขาว่า จะเป็นคนงานคนหนึ่งของเขาและเขาเองก็ได้ให้ค่าตอบแทนอันน้อยนิดแก่ข้าฯ ซึ่งเขาก็มีให้ทั้ง อาหาร เสื้อผ้า และที่พัก ดังนั้นก่อนจะสิ้นเดือนข้าพเจ้าก็ได้รวบรวมข้าวของใช้ทั้งหมดออกจากโรงเตี้ยม และนำมาเก็บไว้ในที่พักของช่างไม้ ช่างไม้คนนี้เป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และได้ปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเหมือนดั่งกับเป็นลูกของเขาคนหนึ่ง ซึ่งเขามีชื่อว่า อับดุลริฎอ ถือนิกายชีอะฮ์ เป็นชาวเมืองโคราซานในประเทศอิหร่าน
 ข้าพเจ้ามิได้ปล่อยให้โอกาสอันล้ำค่าหลุดมือไปโดยที่ไม่ได้อะไรมาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงถือโอกาสอันมีค่าอันนี้ทำการเรียนรู้ภาษาเปอร์เซียกับเขา
.........โปรดติดตามตอนต่อไป