ความแตกต่างระหว่างซุนนะฮ์กับชีอะฮ์
  • ชื่อ: ความแตกต่างระหว่างซุนนะฮ์กับชีอะฮ์
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 19:30:12 1-9-1403

ความแตกต่างระหว่างซุนนะฮ์กับชีอะฮ์

 

ความแตกต่างระหว่างซุนนะฮ์กับชีอะฮ์นั้น ไม่ใช่เป็นความแตกต่างในด้านการปฏิบัติเรื่องปลีกย่อยบางประการตามที่มีการกล่าวอ้างกันเท่านั้น แต่เป็นความแตกต่างตั้งแต่ฐานรากของความศรัทธาและหลักปฏิบัติเลยทีเดียว และความแตกต่างที่ว่านี้ไม่ใช่แค่เพียงจำนวนที่ต่างกันแต่รายระเอียดของเนื้อหาก็แตกต่างกันด้วย

สิ่งที่เราต้องคำนึงเป็นประการแรกก็คือ ศาสนาอิสลามไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของผู้ใดเป็นการเฉพาะ ที่ใครคิดจะปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือแก้ไขตัดทอนได้ตามใจชอบ แต่ศาสนาอิสลามมีที่มาจากอัลลอฮ์(ซบ.)โดยให้ท่านรอซูล(ศ)เป็นผู้ประกาศ ฉะนั้นเราจึงต้องตรวจสอบโครงสร้างทั้งสองนี้เป็นประการสำคัญว่า มีโครงสร้างที่แตกต่างจากคำสอนของอัลลอฮ์(ซบ.)และคำสอนที่ท่านรอซูล(ศ)ได้ประกาศหรือไม่ และหากได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีที่มาจากคำสอนก็ย่อมจะเป็นศาสนาอิสลามไม่ได้   อัลลอฮ์(ซบ.)ตรัสว่า

إِنَّ الَّذِينَ فَرَّقُوا دِينَهُمْ وَكَانُوا شِيَعًا لَسْتَ مِنْهُمْ فِي شَيْءٍ

แท้จริงบรรดาผู้ที่แยกศาสนาของพวกเขาออกไป แล้วกลายเป็นกลุ่ม เจ้า (มุฮัมมัด) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแต่ประการใด   ซูเราะฮ์ อัลอันอาม อายะฮ์ที่  159

 

เราจะเห็นได้ว่าโครงสร้างของศาสนาทั้งสองด้านนั้นมีความแตกต่างกัน แต่โครงสร้างไหนเล่าที่มีที่มาจากคำสอนของท่านนะบี(ศ) และโครงสร้างไหนเล่าที่กล่าวอ้างว่าเป็นศาสนาอิสลาม แต่ท่านนะบีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เราไปติดตามดูจากอัลกุรอานและฮะดีษโดยเริ่มต้นจากการศรัทธาก่อนเป็นอันดับแรกดังนี้ อัลลอฮ์(ซบ.)ตรัสว่า

آَمَنَ الرَّسُولُ بِمَا أُنْزِلَ إِلَيْهِ مِنْ رَبِّهِ وَالْمُؤْمِنُونَ كُلٌّ آَمَنَ بِاللَّهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ

รอซูลนั้นศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมายังท่านและมุอ์มินก็ศรัทธาเช่นนั้นด้วย ทุกคนต่างศรัทธาต่ออัลลอฮ์,บรรดามะลาอิกะฮ์, บรรดาคัมภีร์ และบรรดารอซูลของพระองค์

ซูเราะฮ์  อัลบะเกาะเราะฮ์  อายะฮ์ที่  285

 

เพียงอัลกุรอานอายะฮ์เดียวนี้ก็คงทำให้ท่านได้ทราบว่า การศรัทธาของผู้ใดที่ออกนอกกรอบจากคำสอนของอัลกุรอาน ในขณะที่อัลลอฮ์ได้ยืนยันจากอายะฮ์ข้างต้นว่า นี่คือการศรัทธาของท่านรอซูลและบรรดามุอ์มินทุกคน แต่เราก็ไม่พบร่องรอยหรือวี่แววการศรัทธาของชีอะฮ์จากอายะฮ์นี้เลย ฉะนั้นเราจึงกล่าวได้ว่า พื้นฐานการศรัทธาของชีอะฮ์ไม่เหมือนการศรัทธาของท่านรอซูล และไม่เหมือนการศรัทธาของมุสลิมทั้งโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเมื่อได้พิจารณาถึงหลักปฏิบัติก็จะพบว่าแตกต่างไปจากคำสอนของท่านรอซูลอีกด้วยคือ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า

بُنِىَ الإِسْلاَمُ عَلَى خَمْسٍ شَهَادَةِ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ ، وَإِقَامِ الصَّلاَةِ ، وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ ، وَالْحَجِّ ، وَصَوْمِ رَمَضَانَ

อิสลามตั้งอยู่บนรากฐานห้าประการคือ การปฏิญานว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ และมุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์, การดำรงละหมาด,การจ่ายซะกาต,การทำฮัจญ์ และการถือศีลอดเดือนรอมะฏอน   ดู ซอฮิฮ์ บุคอรี  ฮะดีษที่ 7

 

แม้ว่าในอัลกุรอานและฮะดีษของท่านนะบี(ศ) จะสอนเรื่องการศรัทธาและการปฏิบัติไว้หลายประการด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ใดจะหยิบเอาเรื่องใดในคำสอนมาเป็นโครงสร้างหลักของศาสนาโดยพละการ เพราะมิเช่นนั้นแล้วต่างคนต่างก็จะนึกคิดกันไปเอง และอย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่า หากเรื่องวิธีการชำระปัสสาวะและอุจจาระท่านนะบี(ศ)ก็ยังสอนไว้ แล้วเรื่องสำคัญเช่นนี้ท่านนะบีจะปล่อยให้ไขว่คว้ากันเองโดยท่านมิได้สอนเช่นนั้นหรือ ถึงแม้ว่าจะมีอัลกุรอานอีกหลายอายะฮ์และฮะดีษของท่านรอซูล(ศ)อีกหลายบทที่บอกถึงเรื่องนี้ไว้ แต่ที่นำมาแสดงนี้ก็เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่า อะไรจริงและอะไรคือสิ่งอุปโลกน์ และเราจะปิดท้ายกันด้วยฮะดีษบทต่อไปนี้

ท่านอุมัร บิน ค็อตตอบ เล่าว่า

بَيْنَمَا نَحْنُ عِنْدَ رَسُولِ اللَّهِ (ص) ذَاتَ يَوْمٍ إِذْ طَلَعَ عَلَيْنَا رَجُلٌ شَدِيدُ بَيَاضِ الثِّيَابِ شَدِيدُ سَوَادِ الشَّعَرِ لاَ يُرَى عَلَيْهِ أَثَرُ السَّفَرِ وَلاَ يَعْرِفُهُ مِنَّا أَحَدٌ حَتَّى جَلَسَ إِلَى النَّبِىِّ (ص) فَأَسْنَدَ رُكْبَتَيْهِ إِلَى رُكْبَتَيْهِ وَوَضَعَ كَفَّيْهِ عَلَى فَخِذَيْهِ وَقَالَ يَا مُحَمَّدُ أَخْبِرْنِى عَنِ الإِسْلاَمِ. فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) الإِسْلاَمُ أَنْ تَشْهَدَ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ وَتُقِيمَ الصَّلاَةَ وَتُؤْتِىَ الزَّكَاةَ وَتَصُومَ رَمَضَانَ وَتَحُجَّ الْبَيْتَ إِنِ اسْتَطَعْتَ إِلَيْهِ سَبِيلاً. قَالَ صَدَقْتَ. قَالَ فَعَجِبْنَا لَهُ يَسْأَلُهُ وَيُصَدِّقُهُ. قَالَ فَأَخْبِرْنِى عَنِ الإِيمَانِ. قَالَ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَتُؤْمِنَ بِالْقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ  قَالَ صَدَقْتَ.

ขณะที่พวกเราอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในวันหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีชายผู้หนึ่งปรากฏต่อหน้าพวกเรา เขามีเสื้อผ้าที่ขาวสะอาด,มีผมดำขลิบ, ร่องรอยของการเดินทางไม่ปรากฏให้พวกเราเห็นเลย และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเรารู้จักเขา จนกระทั่งเขาได้มานั่งอยู่ต่อหน้าท่านนะบี(ศ)โดยเอาเข่าของเขาเกยกับเข่าของท่านนะบี แล้วเอามือของเขาวางที่หน้าตักของท่าน และกล่าวว่า โอ้มุฮัมมัด โปรดบอกฉันเกี่ยวกับอิสลาม ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ตอบว่า อัลอิสลาม คือการที่ท่านจะต้องปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การสักการะนอกจากอัลลอฮ์ และ มุฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์ และการที่ท่านจะต้องดำรงละหมาด,บริจาคซะกาต, ถือศีลอดเดือนรอมะฏอน และทำฮัจญ์หากมีความสามารถ เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกแล้ว พวกเราแปลกใจเหลือเกิดที่เขาถามและก็ยืนยันในคำตอบเอง เขาถามต่อไปว่า โปรดบอกฉันถึงเรื่องอีหม่าน ท่านตอบว่า (อีหม่าน) คือการที่ท่านจะต้องศรัทธาต่ออัลลอฮ์,มะลาอิกะฮ์ของพระองค์,บรรดาคัมภีร์ของพระองค์,บรรดาศาสนทูตของพระองค์, ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์และการที่ท่านต้องศรัทธาต่อการกำหนดทั้งความดีความชั่วของพระองค์ เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกต้องแล้ว     ดู ซอฮิฮ์ มุสลิม  ฮะดีษที่  9

อ้างอิงจากเวบไซต์วาฮาบีย์

http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=110

 

พวกวาฮาบีย์ได้ตัดสินความแทนอัลลอฮ์ว่า “ ชีอะฮ์เป็นกาเฟ็ร ” เพราะชีอะฮ์มีหลักศรัทธาไม่เหมือนกับวาฮาบีย์ แต่ความเป็นจริงอะกีดะฮ์ชีอะฮ์มีที่มาจากอัลเลาะฮ์และรอซูล(ศ) ขอให้ท่านโปรดย้อนกลับไปพิสูจน์ดูที่หน้า 6 – 8 อีกครั้ง ท่านจะเข้าใจว่า พื้นฐานหลักศรัทธาและหลักปฏิบัติของชีอะฮ์นั้น แทบจะไม่แตกต่างกับพี่น้องอะฮ์ลุซซุนนะฮ์เลยสักนิด คำถามคือ ทำไมนักวิชาการวาฮาบีย์จึงขาดจรรยาบรรณในทางวิชาการอิสลามได้ถึงเพียงนี้..