บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่40
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่40
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 3:37:1 4-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่40

สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม
ข้าพเจ้าได้เดินไปยังกระทรวงล่าอาณานิคมเพื่อรับคำสั่งที่จะดำเนินการภารกิจในครั้งต่อไป   ครั้นเมื่อได้พบกับเลขาธิการ ข้าพเจ้าเห็นว่าเขามีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในการกล่าวต้อนรับและยังพูดคุยอย่างอบอุ่นซึ่งสัมผัสเห็นได้อย่างฉันท์พี่น้อง
          เลขาธิการยังพูดกับข้าพเจ้าด้วยว่า  จะเปิดเผยความลับ 2 ประการให้ข้าพเจ้ารับรู้เผื่อว่าในอนาคตสามารถนำไปใช้ประโยชน์  และเป็นความลับที่มิอาจให้ผู้ใดได้รู้เป็นอันขาด นอกเสียบุคคลที่เป็นที่ไว้วางใจเท่านั้น
        จากนั้นเขาได้ดึงข้าพเจ้าไปยังห้องๆ หนึ่งของกระทรวง เมื่อได้เข้ายังห้องนั้นข้าพเจ้าถึงกับตกตลึงเพราะเป็นห้องประชุมที่กว้างใหญ่และมีโต๊ะประชุมวางอยู่ซึ่งมีบุคคล 10 ท่านนั่งอยู่ด้วย
        บุคคลแรกแต่งกายในชุดของสุลต่าน อุษมานียะฮ์ สามารถพูดทั้งภาษาตุรกีและอังกฤษ
        บุคคลที่สองแต่งชุดรูปแบบของเชคอิสลามของตุรกี คือ อุลามาชั้นสูงของอะฮ์ลิลซุนนะฮ์ในตุรกี
        บุคคลที่สาม อยู่ในชุด กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
        บุคคลที่สี่ อยู่ในชุดของผู้รู้ในราชสำนักของชีอะฮ์
        บุคคลที่ห้า อยู่ในชุดของมัรเญียะอตักลีดของชีอะฮ์ในเมืองนะญัฟ
ซึ่งมีสามท่านที่สามารถพูดได้ทั้งภาษาเปอร์เซียและภาษาอังกฤษและที่เหลืออีกห้าท่านเป็นบรรดานักเขียนจากนักวิชาการเพื่อที่จะทำการจดบันทึก ในสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน   อีกทั้งยังคอยป้อนข้อมูลที่ได้รับจากสปายทั้งหลายให้กับตัวปลอมทั้งห้าท่าน
        เลขาธิการได้บอกข้าพเจ้าว่า ห้าท่านนี้คือตัวปลอมที่จำลองมาจากตัวจริง ซึ่งเราได้ปั่นแต่งให้เหมือนกับตัวจริงทุกประการเพื่อรับรู้แนวความคิดของพวกเขา อีกทั้งเรายังได้แจ้งข้อมูลที่ได้รับจากตุรกี เตหะรานและนะญัฟให้กับตัวปลอมทั้งห้าด้วยและทั้งห้าท่านจะทำหน้าที่แทนตัวจริงทุกประการ  จากนั้นพวกเขาจะตอบคำถามของเรา   ซึ่งข้าพเจ้าได้สังเกตฟังและเห็นว่าคำตอบและแนวคิดของพวกเขานั้นเหมือนกับแนวคิดของตัวจริงเกือบ70%(คือถูกต้อง 70 %)
        ดังนั้นเลขาธิการบอกแก่ข้าพเจ้าว่า-: อยากจะทดสอบแผนการอันนี้กับมัรเญียะอตักลีดของชีอะฮ์หรือไม่?
     ข้าพเจ้าตอบว่า ใช่อยากทดสอบดู แล้วจึงเข้าไปหามัรเญียะอ์ตักลีดตัวจำลอง และถามเขาว่า-:
เป็นการอนุญาตให้ทำการสู้รบกับการปกครองของอุษมานียะฮ์หรือไม่  โดยเหตุผลที่ว่าเขาคือรัฐบาลของซุนนีย์และมีความอคติอย่างมาก?
        มัรเญียะอตัวปลอมได้นิ่งคิดอยู่สักเล็กน้อยแล้วตอบว่า-: ไม่อนุญาตให้เราทำสงครามกับพวกเขาถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นซุนนี  เพราะมุสลิมคือพี่น้องกันแต่ถ้าหากพวกเขาได้กดขี่บรรดามุสลิมเมื่อนั้นถือได้ว่าสามารถทำสงครามพวกเขาได้ โดยมีหลักเหตุผลของการห้ามปรามสิ่งชั่วร้ายและส่งเสริมสิ่งดีงามเพื่อให้เขายุติการกดขี่   ดังนั้นนอกเหนือจากสิ่งนี้แล้วถือว่าไม่อนุญาต
        ข้าพเจ้าถามอีกว่า-:พวกยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ตามทัศนะของคุณแล้วถือว่าเป็นนะญิสหรือไม่ 
       ตัวปลอมตอบว่า-: พวกเขาเป็นนะญิสซึ่งจำเป็นที่เราจะต้องหลีกเหลี่ยง
        ข้าพเจ้าถามว่า ด้วยหลักฐานข้อใด?
        ตัวปลอมตอบว่า   ด้วยกฎที่ว่าพวกเขาได้ตักฟีรเราและปฏิเสธการเป็นศาสดาของมุฮัมหมัด ซึ่งเราต้องใช้กฎของการตอบโต้ที่เหมือนลักษณะเช่นนี้กับเขา คือเมื่อเขาตักฟีรเรา เราก็ต้องตักฟีรเขากลับ
        ข้าพเจ้ายังถามอีกว่า-:ความสะอาดมิใช่ส่วนหนึ่งของความศรัทธาหรือ?แล้วเหตุใดจึงเห็นว่าบริเวณลานของฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ ถนนหนทางและสถานศึกษานั้นสกปรก
        ตัวปลอมตอบว่า-:มิอาจปฏิเสธได้ว่า ความสะอาดคือส่วนหนึ่งของความศรัทธาแต่จะทำอย่างไรได้เล่า ก็เมื่อมันมีน้ำเพียงน้อยนิดไม่เพียงพอในการทำความสะอาดและฝ่ายผู้ปกครองก็ไม่ให้ความสำคัญ
        คำตอบของตัวปลอมทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจเป็นอย่างมากและเป็นการตอบเหมือนอย่างที่มัรเญียะอ ตักลีดของชีอะฮ์ตอบทุกประการ   แม้แต่ขาดเกินก็ไม่มี จะมีเพียงแค่ประโยคเดียวที่เสริมตอบคือทางผู้ปกครองไม่เล็งเห็นถึงความสำคัญของความสะอาดเพราะข้าพเจ้าก็เคยตั้งคำถามต่างๆ เหล่านี้กับมัรเญียะอตักลีดในเมืองนะญัฟมาแล้ว
        สรุปแล้วทั้งหมดนั้นได้สร้างความตกตลึงให้กับข้าพเจ้าอย่างมาก เพราะคำถามเหล่านี้ข้าพเจ้าเคยถามกับมัรเญยะอตัวจริงสมัยที่ผมอยู่ในเมืองนะญัฟและตัวปลอมก็ได้ตอบเหมือนกับที่ผมเคยถามอีกทั้งยังตอบเป็นภาษาเปอร์เซียเหมือนตัวจริงอีกด้วย
        จากนั้นเลขาธิการพูดกับข้าพเจ้าว่าหากต้องการที่จะพบและพูดคุยกับตัวปลอมอีกทั้ง 4 คนก็สามารถพบได้ เพื่อสามารถรับรู้ว่าเราได้สร้างตัวปลอมขึ้นมาได้อย่างเหมือนตัวจริงทุกประการ   ข้าพเจ้าตอบว่า อยากพบกับเชคอิสลามตัวปลอมเพราะข้าพเจ้ามีข้อมูลที่ได้รับจากเชคอะห์มัด อะกอ ซึ่งเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า ซึ่งเคยเล่าถึงความคิดความศรัทธาของเขาให้ข้าพเจ้าฟัง
        เมื่อข้าพเจ้าได้พบกับตัวปลอมจึงถามเขาว่า-:การเคารพเชื่อฟังภัคดีต่อคอลีฟะฮ์เป็นสิ่งวาญิบหรือไม่? 
   เขาตอบว่า แน่นอนเป็นสิ่งวาญิบเพราะการเชื่อฟังคอลีฟะฮ์นั้นเหมือนกับการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์
        ข้าพเจ้าถามว่า-:มีหลักฐานหรือไม่?
        เขาตอบว่า-: ในโองการ-:  “พวกเจ้าจงอิตออัต ต่ออัลลอฮ์ ศาสนทูตของพระองค์และ อุลิลอัมร์”  แล้วคุณไม่เคยได้ยินหรือ?
        ข้าพเจ้าตอบว่า-: หากคอลีฟะฮ์นั้นคืออุลิลอัมร์ แล้วเหตุใดพระองค์จึงมีคำสั่งให้เราต้องเชื่อฟังยาซีด ในขณะที่ยะซีดได้ทำลายเมืองมะดีนะฮ์และยังฆ่าฮุเซนผู้เป็นหลานของท่านศาสนทูต?หรือเหตุใดที่พระองค์มีคำสั่งให้เราเชื่อฟัง วะลีด ผู้มึนเมาด้วย?
        ตัวปลอมตอบว่า-:อัลลอฮ์คือผู้แต่งตั้งให้ยะซีดเป็นอะมีรุลมุมีนีน แต่กรณีที่เขาได้สังหารฮุเซนเพราะความผิดพลาดแต่ก็ได้ขออภัยโทษจากพระองค์แล้วและการเข้าไปสังหารผู้คนในเมืองมะดีนะห์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรมของยะซีดในการปราบปรามผู้ต่อต้านคอลีฟะฮ์
        สำหรับกรณีของวะลีดนั้นเขาดื่มเหล้าที่ผสมกับน้ำและเหล้าที่มิได้ทำให้มึนเมาถือว่าเป็นสิ่งอนุญาตในบทบัญญัติของอิสลาม
        คำถามต่างๆเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เคยถามอาจารย์ของข้าพเจ้า เชค อะห์มัด อะกอ ซึ่งคำตอบของตัวปลอมนั้นเหมือนกับคำตอบของตัวจริงเกือบทุกประการ จะคาดเคลื่อนก็เพียงน้อยนิด
        ข้าพเจ้าได้ถามเลขาธิการว่า-: การแสดงของตัวปลอมเหล่านี้มันมีประโยชน์อันใดหรือ ?
        เขาตอบว่า-: การกระทำในรูปแบบนี้เพื่อที่จะให้เราได้เข้าใจกรอบแนวความคิดของบรรดากษัตริย์ บรรดาอุลามาทั้งชีอะฮ์และซุนนี่ แล้วเรานำมาประยุกต์ใช้ในการกำหนดแผนที่เหมาะสมทั้งในเชิงการเมืองและศาสนา
        ยกตัวอย่าง-: หากคุณรู้ว่าบรรดาศัตรูจะยกทัพมาทางทิศตะวันออก คุณก็จะต้องวางมาตรการอย่างดีในการตั้งรับศัตรู แต่ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าศัตรูจะบุกโจมตีจากทิศทางใด คุณก็จะต้องกระจายทหารทั่วทุกทิศ ดังนั้นกรณีนี้ก็เช่นกันเมื่อเราได้เรียนรู้เข้าใจแล้วว่ามุสลิมทุกนิกายใช้วิธีการใดบ้างในการใช้เหตุผลโต้แย้ง เราก็สามารถเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญกับพวกเขาและคำตอบต่างๆ เหล่านี้มันมีประโยชน์ในการสร้างความสงสัยครางแคลนต่อความศรัทธาของพี่น้องมุสลิม
        จากนั้นเลขาธิการได้ให้หนังสือเล่มหนาหนึ่งเล่มซึ่งมีจำนวนประมาณ 1000 หน้ากับข้าพเจ้า   หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาของการพูดคุยถามตอบระหว่างเชคตัวจริงกับห้าท่านที่เป็นตัวปลอมในประเด็นเรื่องการทหาร เศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณีและศาสนา
        ข้าพเจ้าได้นำเอาหนังสือดังกล่าวมาอ่านที่บ้านโดยใช้ระยะเวลาสามอาทิตย์ อ่านตั้งแต่แรกจนจบ ซึ่งเลขาธิการยังกำชับต่อผมอีกด้วยว่าเมื่ออ่านเสร็จแล้วต้องนำมาคืนเขาด้วย
        ขณะที่ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเล่มนั้น เห็นว่า การพูดคุยและการโต้เถียงของพวกเขานั้นเกือบจะสอดคล้องตามความจริง(เท่าที่ข้าพเจ้ามีข้อมูล)มาตรแม้นว่าเลขาธิการเคยพูดว่ามีคำตอบที่ถูกต้องเพียงแค่ 70 % แต่ข้าพเจ้าคิดว่ามันมากกว่า 70 % 
        จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลของเรามากยิ่งขึ้นเหมือนกับสิ่งที่หนังสือได้ทำนายไว้ว่าราชบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ของราชวงค์อุษมานียะฮ์ต้องล่มสลายภายในไม่เกินหนึ่งศตวรรษ
        เลขาธิการยังได้บอกข้าพเจ้าด้วยอีกว่า  ในกระทรวงล่าอาณานิคมยังมีห้องประชุมอีกห้องหนึ่งเหมือนกับห้องนี้ ซึ่งมีตัวปลอมของบรรดาประเทศที่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของเราหรือว่าประเทศที่เราจะปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
        ข้าพเจ้าได้ถามเลขาธิการว่า ตัวปลอมอย่ามากมายลักษณะนี้ได้หามาจากที่ไหน?
 เขาตอบว่า-:เรามีสปายในทุกๆประเทศและจะเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดส่งมาให้กับทางเราและตัวปลอมเหล่านี้ก็คือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้โดยเฉพาะ
        ดังนั้นเมื่อคุณได้ข้อมูลของบุคคลหนึ่งทั้งกรอบแนวคิดและแผนการดำเนินงานให้เกิดผลมาแล้ว เราก็ได้นำเอาข้อมูลต่างๆเหล่านี้ให้กับตัวปลอมที่เราได้จัดเตรียมไว้ซึ่งเราถือว่าคุณก็คือแบบฉบับที่สอดคล้องกับตัวจริง
 .....................โปรดติดตามตอนต่อไป
สถาบันศึกษาศาสนา อัล-มะฮฺดียะห์