บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่39
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่39
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 19:53:39 1-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่39


สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม
ภาคที่ 6
เดินทางกลับประเทศอังกฤษและพบปะกับรัฐมนตรี
หลังจากที่ได้พำนักอยู่ในแบกแดดเป็นระยะเวลานานพอสมควร  ก็ได้มีคำสั่งด่วนให้ข้าพเจ้ารีบกลับกรุงลอนดอน ด้วยเหตุนี้จึงเดินทางกลับ เมื่อได้มาถึงก็ได้มีการจัดประชุมขึ้นมาโดยมีเลขาธิการกระทรวงและข้าราชการของกระทรวงเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อที่จะรับฟังถึงความคืบหน้าของการปฏิบัติภารกิจของข้าพเจ้าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา 
 ข้าพเจ้าเองก็ได้บอกเล่าข้อมูลและสิ่งต่างๆ ที่ได้ประสบเห็นทำให้พวกเขาชื่นชมและพึงพอใจในผลงานของข้าพเจ้ามาก ซึ่งก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าก็ได้เขียนรายงานอย่างละเอียดให้พวกเขาได้รับทราบมาแล้ว   
  หลังจากนั้นข้าพเจ้าเพิ่งจะได้รู้ว่าโซเฟียที่เคยแต่งงานแบบชั่วคราว กับ มุฮัมหมัด บิน อับดุลวะฮาบ ที่อยู่ในเมืองบัศเราะฮ์ ก็ได้เขียนรายงานเหมือนข้าพเจ้าเช่นกัน จากจุดนี้เองทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า ทางกระทรวงได้มีการติดตามดูแลอยู่ตลอดเวลาซึ่งผู้ที่คอยดูแลข้าพเจ้าก็ได้เขียนรายงานความเคลื่อนไหวของข้าพเจ้าอยู่เสมอ ทั้งหมดนั้นถือว่าเป็นการยืนยันถึงคำรายงานของข้าพเจ้าได้อย่างดี
      เลขาธิการกระทรวงได้นัดหมายวันเวลาให้กับข้าพเจ้าในการพบปะกับรัฐมนตรี  เมื่อได้เข้าพบรัฐมนตรีในห้องทำงานของเขา เขาได้ให้เกียรติแก่ข้าพเจ้าอย่างมากโดยเห็นได้จากการต้อนรับที่แสนจะอบอุ่นผิดกับครั้งก่อนที่ข้าพเจ้าได้เข้าพบช่วงที่กลับมาจากตุรกี เพราะเขาเพิ่งจะรู้ว่าข้าพเจ้ามีความสำคัญและอยู่ในสายตาของรัฐมนตรี โดยเฉพาะในเรื่องที่ข้าพเจ้าสามารถครอบงำมุฮัมหมัดได้   ทำให้เขามีความพึงพอใจเป็นอย่างมากซึ่งเขายังพูดด้วยว่า บุคคลนี้คือ สิ่งที่มีค่าที่ทางกระทรวงทำตกหล่น ดังนั้นจึงได้เน้นย้ำกับข้าพเจ้าให้คอยดูแลเขาให้ดี       
         รัฐมนตรียังพูดอีกว่าหากข้าพเจ้าได้อุตสาหพยายามทนความยากลำบากแล้วแต่กลับมิได้ผลอื่นใด นอกจากได้เพียงแค่ตัวเชค(มุฮัมหมัด)มาคนเดียวก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับข้าพเจ้า  ซึ่งข้าพเจ้าเองก็เกิดความวิตกกังวลเช่นกันว่าหลังจากที่ได้แยกตัวจากเขาแล้ว เขาจะพบเจอกับอุปสรรคปัญหาอะไรอีก?
 รัฐมนตรีก็พูดอีกว่าคุณสบายใจได้เลย ไม่ต้องกังวล เพราะหลังจากวันที่แยกออกจากคุณ  มุฮัมหมัดก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมที่มิได้เปลี่ยนแปลง  สายรายงานของเราที่อยู่ในเมืองอิศฟาฮานได้พบปะกับเขา ซึ่งเขาก็ยังคงมีหลักความเชื่อ (อะกีดะฮ์) เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้านึกในใจว่า เหตุผลประการใดเล่าที่ เขายอมเปิดเผยความลับของตัวเอง? แต่ก็ไม่สามารถถามเรื่องนี้ยังรัฐมนตรีได้
     ข้าพเจ้าทราบภายหลังจากที่ได้พบกับ  มุฮัมหมัด  ซึ่งเขาเล่าว่า มีชายคนหนึ่งที่ชื่อ อับดุลการิมได้มาพบปะกับเขาและแนะนำตัวเองว่าเป็นพี่ชายของข้าพเจ้าเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและล้วงข้อมูลและความลับต่างๆ
     มุฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮับ ได้พูดกับข้าพเจ้าว่า โซเฟียยังได้มาหาเขาที่อิศฟาฮานและได้ทำการมุตอะฮ์กับเขาอีกถึง 2 เดือน
      มุฮัมหมัดยังเล่าอีกว่า อับดุลการิมได้เดินทางมายังเมือง ซีราจ พร้อมกับเขาและในเมืองนั้นเขาได้ทำการมุตอะฮ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีชื่อว่าอาซียะฮ์     ซึ่งอับดุลการิมเป็นคนจัดหาให้ อาซียะห์เป็นหญิงที่สวยงาม อ่อนโยนและอ่อนหวาน มากว่าโซเฟีย ซึ่งทำให้เขาได้มีความสุขใจในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเขา
       ข้าพเจ้ายังทราบด้วยอีกว่าอับดุลการิมเป็นชื่อเล่นของชายยะฮูดีย์คนหนึ่ง เป็นชาวเมืองอิศฟาฮาน ซึ่งเป็นข้าราชการของกระทรวงล่าอาณานิคม  และอาซียะฮ์ก็คือหญิงสาวยะฮูดีย์ เมืองซีราจซึ่งก็เป็นข้าราชการของกระทรวงเช่นกัน
       สรุปแล้วเราทั้ง 4 คน สามารถครอบงำและมีอิทธิพลต่อ มุฮัมหมัด บิน อับดุลวะฮาบ ซึ่งสิ่งนี้เองถือว่าเป็นความหวังและโอกาสอันดีงามของเราในอนาคต
       หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้กับเลขาธิการแล้ว ทางเลขาธิการก็ได้แนะนำตัวข้าพเจ้าแก่รัฐมนตรีและข้าราชการของกระทรวงอีกสองคน ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยพบเจอและไม่เคยรู้จักมาก่อน    รัฐมนตรีได้พูดกับข้าพเจ้าว่า-:ขณะนี้ถือว่าคุณนั้นคู่ควรที่จะได้รับเหรียญรางวัลแห่งเกียรติยศจากกระทรวง เพราะคุณเป็นข้าราชการคนหนึ่งของกระทรวงที่ประสบความสำเร็จยิ่งในการปฏิบัติภารกิจและอีกไม่นานทางเลขาธิการกระทรวงจะต้องเปิดเผยยุทธศาสตร์และแผนการลับของกระทรวงในลับขั้นต่อไป  เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับคุณในอนาคต 
 ทางกระทรวงอนุญาตให้ผมอยู่กับครอบครัวได้อีก 10 วัน นับเป็นช่วงเวลาแห่งนาทีทอง ที่ข้าพเจ้าได้อยู่กับครอบครัวโดยเฉพาะได้อยู่กับลูกชายคนเล็กของข้าพเจ้า ซึ่งเพิ่งจะเริ่มหัดพูดและหัดเดิน ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันคือส่วนหนึ่งของร่างกายข้าพเจ้าที่กำลังเดินอยู่ ความดีอกดีใจอันนั้นเกินกว่าที่จะบรรยายและพรรณนาได้ เสมือนกับว่าวิญญาณของข้าพเจ้าได้โบยบิน   อีกทั้งข้าพเจ้ายังได้ไปเยี่ยมอาที่แสนจะเอ็นดูเมตตาและรักข้าพเจ้าเป็นอย่างมากที่อยู่ในวัยแก่ชรา และถือว่าเป็นการเยี่ยมเยือนครั้งสุดท้ายเพราะหลังจากการเดินทางครั้งที่สามของข้าพเจ้า เขาได้เสียชีวิตลงและทำให้ข้าพเจ้าเสียใจและรันทดใจอย่างยิ่งในการสูญเสียครั้งนี้
       ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนกับครอบครัวนั้นช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน วันเวลาแห่งความสุขมันช่างรวดเร็วเสียนี่กระไร? แต่ช่วงเวลาแห่งความทุกข์และความเศร้าโศกนั้นมันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงวันเวลาที่นอนป่วยไข้ในเมืองนะญัฟ ประเทศอิรัก  เพียงแค่วันเดียวเสมือนกับหนึ่งปีและในขณะนี้ความขมขื่นครั้งนั้นก็ยังคงฝังอยู่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าอีก 
..............................โปรดติดตามตอนต่อไป