ขุดรากเหง้าลัทธิวะฮาบีตักฟีรีย์
เมื่อชาวยิวทำลายอิสลามอย่างเงียบๆ
ลัทธิวะฮาบีกำเนิดขึ้นมาจากแนวคิดของบุคคลที่ชื่อ อิบนุ ตัยมียะห์ เกิดในปี ฮ.ศ. 661 ในดามัสกัส ซีเรีย อิบนุ ตัยมียะห์ผู้นี้ ถือว่าชาวชีอะฮ์นั้นคือศัตรูภายใน ซึ่งการฆ่าพวกเขา เป็นหน้าที่ภาคบังคับ เหนือกว่าการฆ่าพวกครูเสดและมองโกล จากคำพูดของ อิบนุ ตัยมียะห์ ถ้าหากใครพูดได้ทั้งภาษาอาหรับและเปอร์เซีย เขาเป็นคนมุนาฟิก(กลับกลอก) เนื่องจากคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของอิบนุตัยมียะห์คือการต่อต้านอิหร่าน
นอกเหนือจากความคิดเหล่านี้แล้ว ยังมีประเด็นสำคัญอีกคือ ถ้าเปรียบเทียบหนังสือของอิบนุ ตัยมียะห์กับชุดหนังสือของชาวยิว #พันธสัญญาเดิม (Old Testament) หนังสือของเขาจะมีความเหมือนกับคัมภีร์ชาวยิวทุกประการ เห็นได้ชัดว่า เนื้อหาในหนังสือส่วนใหญ่ของเขาเป็นการคัดลอกจากชาวยิว ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ อิบนุ ตัยมียะห์และครอบครัวถูกมองว่าเป็นชาวยิวที่ซ่อนเร้น (Anousian หมายถึง บุคคลที่ละทิ้งศาสนายิวด้วยความจำยอม ไม่ใช่ด้วยความปรารถนาของเขาเอง และใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการบังคับใช้กฎหมายของชาวยิวอย่างลับๆ)
ทัศนะของเขากลายเป็นพื้นฐานความคิดของ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ และขบวนการเคลื่อนไหวของลัทธิวะฮาบีแห่งราชวงศ์ซาอูด อันเป็นระบบการปกครองหรือลัทธิทางศาสนาที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยรัฐบาลอังกฤษในดินแดนซาอุดิอาระเบีย
ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์ เช่น หนังสือของ นาเซร อัลซาอีด ( Nasser al-Saeed ) ครอบครัวของอาลิซาอูด เป็นชาวยิวชื่อ โมรค็อย เบน อับราฮัม เบน มูซา จากชาวยิวแห่งเมืองบัศเราะห์ และคุณปู่ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เป็นชาวยิวชื่อ โชลมาน กัรกูซีย์ จาก ตุรเคีย(ตุรกี)
กษัตริย์ไฟซอลแห่ง ซาอุดิอาระเบีย ได้เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า :
“เราและชาวยิวเป็นญาติพี่น้องกัน ดังนั้นเราจึงไม่ตกลงที่จะให้พวกเขาต้องจมหายในทะเลตามที่บางคนต้องการ แต่เราต้องการอยู่กับพวกเขาในบรรยากาศที่สงบสุขและปลอดภัย”
ความกังวลของเราคือการเติบโตของกิจกรรมวะฮาบีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ประเทศของเราตกอยู่ในความเสี่ยงและอำนาจอธิปไตยของประเทศเราอาจถูกคุกคาม
ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี