นิกายต่างของชีอะฮ์(พอสังเขป)
  • ชื่อ: นิกายต่างของชีอะฮ์(พอสังเขป)
  • นักเขียน: เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 5:41:37 4-9-1403

นิกายต่างของชีอะฮ์(พอสังเขป)


เรียบเรียง:เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
__________
ชีอะห์มีกี่กลุ่ม แล้วกลุ่มใดที่เป็นนิกายที่ถูกยืนยันจากท่านนบี ศ็อลฯ?


ชีอะห์ที่แท้จริงตามมาตฐานบนคำวะศิยัตของท่านนบีนั้นคือชีอะห์ที่เชื่อและปฏิบัติตามในลูกหลานของนบี ศ.อย่าเคร่งครัด และนั้นก็คือชีอะห์สิบสองอิมาม(อิมามียะฮ) กล่าวคือชีอะห์ที่ยอมรับในการเป็นผู้นำของท่าน อลี ฮะซัน และฮุเซน จนกระทั้งถึงคนที่สิบสองคือ อัลมะฮดีย์ อ.ที่สืบเชื้อสายมาจากอิมามฮูเซน ว่าพวกเขาคืออิมามและเป็นผู้นำภายหลังจากการเสียชีวิตของท่านนบี ศ.ผู้ซึ่งพระองค์ ซบ.และนบี ศ.ได้แต่งตั้งพวกเขาขึ้นมาบนหน้าแผ่นดินให้เป็นผู้สืบทอด
ทั้งนี้และนั้นชีอะห์ยังต้องแบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่มและที่เห็นได้ชัดมีสี่กลุ่มใหญ่(จริงๆแล้วชีอะฮ์ยังมีกลุ่มย่อยอีกมากมายจะกล่าวในโอกาสต่อไป) แต่จะเสนอกลุ่มใหญ่ก่อนและนั้นก็คือ...
1-ชีอะห์ซัยดียะฮ กลุ่มนี้มีความเชื่อว่า เซต บุตรของอิมามซัยนุล อาบิดีน(อิมามท่านที่สี่)เป็นอิมาม พวกเขามีความเชื่อที่ต่างไปจากชีอะห์สิบสองอิมามพอสมควร ส่วนมากแล้วกลุ่มชนนี้จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเยเมนและรอบๆเป็นส่วนมาก
2-ชีอะห์อิสมาอิลียะฮ พวกเขาเชื่อว่าอิสมาอีลบุตรของอิมามศอดิก อ.เป็นอิมามต่อจากนั้น.
3-ชีอะห์ฆุลาตกลุ่มนี้มีความเชื่อต่อท่านอลีถึงขั้นที่ว่าเป็นพระเจ้าเลยทีเดียวกลุ่มชนนี้ค่อนข้างจะผิดเพี้ยนไปจากชีอะห์อื่นในเรื่องของหลักความเชื่อจนทำให้ชีอะห์กลุ่มที่เหลืออุกุ่มพวกเขาถึงขั้นที่ว่าพวกเขาคือกาเฟรเลยทีเดียวและที่สำคัญอิมามอลีเองก็ประนามกลุ่มชนฆุลาตนี้ด้วยเช่นกัน
4-ชีอะห์สิบสองอิมาม หรือเรียกอีกชื่อว่าชีอะห์อิมามียะฮ์ และก็เป็นชีอะห์กลุ่มเดียวตามวัจนะที่นบี ศ.เคยบอกเอาไว้
พวกเขาเชื่อในความเป็นเอกะของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ พระองค์ไม่มีเรือนร่าง ไม่มีความสูงและความยาว รวมไปถึงไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดในงานสร้างของพระองค์ ฯลฯ เป็นต้น
และยังเชื่ออีกว่า ศาสนาอิสลามคือศาสนาที่มาจากพระองค์ และพระองค์ทำให้ศาสนานี้ผ่านมายังท่านนบี ศ.ให้เป็นผู้เผยแพร่ในยุคสุดท้าย และศาสนานี้จะยังคงอยู่ตลอดไปจนกระทั้งถึงวันแห่งการตัดสิน สิ่งใดก็ตามที่ศาสดา ศ.ทำให้เป็นสิ่งอนุมัติ สิ่งนั้นก็จะอนุมัติจนถึงวันกียามัต ส่วนสิ่งใดก็ตามที่ท่านห้าม สิ่งนั้นก็จะถูกห้ามจนถึงวันกียามัตเช่นกัน และชะรีอัตนี้จะคงอยู่จนถึงวันปรโลก(วะซาอิล ชีอะห์ 18/124)
 حَلالُ محمّد حلالٌ إلى يَومِ القِيامة و حَرامُهُ حَرامٌ إلى يَوم القِيامة و شريعَتُهُ مستمرة إلى يَومِ الْقِيامَةِ
นอกเหนือไปจากนั้นพวกเขายังเชื่ออีกว่าในวันแห่งการตอบแทน นั้น มนุษย์ทุกคนตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงคนสุดท้ายพวกเขาทั้งหลายจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ณ ทุ่งมะห์ชัร มาเพื่อรอรับฟังผลแห่งการตัดสินจากความดีและชั่วของตนเอง จะไปสวรรค์หรือว่านรก จากการตัดสินโดยมีอะหม้าลการงานที่เขาได้ก่อสร้างไว้เป็นตัวการันตีให้แก่พวกเขา
ส่วนหลักฐานที่สำคัญที่พวกเขายึดมั่นนั้นคือ อัลกุรอาน ที่พวกเขามีความเชื่อตั้งแต่ในยุคของท่านนบี ศ.จนถึงปัจจุบันกรุอานไม่มีการปิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น พวกเขาเชื่อและปฏิบัติตาม ตามหลักคำสอนอย่างเคร่งครัดตามกรุอานสั่งกำชับไว้ไม่ว่าในเรื่อง ละหมาด ศิลอด ซะกาต อัจญ์ หรือแม้กระกระทั้งเรื่องญิฮาด เช่นกันในทางตรงกันข้ามก็ต้องออกห่างและละทิ้งในเรื่องที่เป็นบาปทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น การดื่มเหล้าของมึนเมา การพนัน การทำซินา ดอกเบี้ย การเข่นฆ่าผู้อื่น หรืออื่นๆ ตามที่กรุอานได้ห้ามไว้และสิ่งที่เป็นบาปใหญ่ทั้งหมด พวกเขาออกห่างไม่ปฏิบัติในสิ่งเหล่านั้น
พวกเขายังมีความเชื่ออีกว่า เจ้าของแห่งบทบัญญัติที่แท้จริงคือพระองค์ ซบ.และบทบัญญัติอันศักสิทธินั้นต้องผ่านท่านนบี ศ.มายังประชาชาชาติเพื่อชี้นำประชาชาติ แน่นอนเมื่อนบี ศ.ต้องจากไป ผู้ที่จะมาดูแลและปกป้องบทบัญญัตินั้นก็จะต้องเป็นผู้ที่พระองค์อัลลอฮและนบี ศ.เป็นผู้เลือกสรรพวกเขาขึ้นมา เหมือนกับบรรดาเอาลิยาของพระองค์ท่านก่อนๆพวกเขามีตัวแทนมีผู้สืบทอดที่พระองค์แต่งตั้งพวกเขามาในยุคนั้นๆ ส่วนในยุคสุดท้ายหลังจากการจากไปของนบีมุฮำมัด ศ.ก็จะต้องมีตัวแทนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกเขาขึ้นมาด้วยเช่นกัน เพื่อปกป้องดูแลรักษาบทบัญญัติชะรีนี้แทนท่านนบี ศ.
และตัวแทน(ผู้ต้องมาสืบทอด)เหล่านั้นมีทั้งหมดสิบสองท่านตามรายชื่อต่อไปนี้
1-อลี อิบนิ อบีฏอลิบ
2-ฮะซัน อิบนิ อลี
3-ฮุเซน อิบนิ อลี
4-ซัยนุล อาบิดีน
5-มุฮำมัด อัลบาเก็ร
6-ญะฟัร อัศศอดิก
7-มูซา อัลกาซิม
8-อลี อัรริฏอ
9-มุฮำมัด อัตตะกี
10-อลียุนนะกีย์ อัลฮาดีย์
11-ฮะซัน อัลกัสการีย์
12-อัลมะฮดีย์
รายชื่อทั้งหมดนี้คือผู้ที่จะมาสืบทอดกิจการงานต่อจากท่านนบี ศ.ผู้ที่พระองค์และนบี ศ.ได้แต่งตั้งพวกเขาขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนของท่านบนหน้าแผ่นดิน และเป็นผู้ที่ชี้นำทางมนุษย์ชาติให้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแทนท่านนบี ศ.ต่อไป ตราบจนถึงวันสิ้นโลก.
#ชื่ออิมามสิบสอง ที่ถูกระบุไว้ในตำราของอะลิซุนนะฮ!!
1-จากท่าน ญาบีร อับดุลลอฮ อันศอรีย์  จากท่านนบี ศ.ที่ท่านได้กล่าวถึงผู้ปกครองทั้งสิบสองคนภายหลังจากท่าน
اولهم سید الاوصیاء ابوالائمه علی ،ثم ابناه الحسن والحسین،اذا انقضت مده الحسین فالامام ابنه علی یلقب بزین العابدین ، فبعده ابنه محمد یلقب بالباقر، فبعده ابنه جعفر یدعی بالصادق ، فبعده ابنه موسی یدعی بالکاظم ، فبعده ابنه علی یدعی بالرضا ، فبعده ابنه محمد یدعی بالتقی والزکی، فبعده ابنه علی یدعی بالنقی والهادی ، فبعده ابنه الحسن یدعی بالعسکری ، فبعده ابنه محمد یدعی بالمهدی والقائم والحجه فیغیب ثم یخرج فاذا خرج یملاء الارض قسطا وعدلا کما ملئت جورا وظلما
ซึ่งบุคคลแรกจากพวกเขานั่นคือ อะลี ผู้เป็นบิดาแห่งอะอิมมะฮ์ทั้งหลาย ต่อไปคือบุตรของเขาฮะซันและฮุเซน จากนั้นก็บุตรที่สืบเชื้อสายมาจากฮุเซน....จนกระทั้งถึงมะฮดีย์ซึ่งเป็นสุดท้าย ผู้ที่จะมาเติมเต็มความเป็นธรรมบนโลกใบนี้ หลังจากที่โลกใบนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยุติธรรมมาก่อน.
(หนังสือ ยะนาเบียะ หมวดที่76)
2-นบี ศ.กล่าวว่า"ครั้งเมื่อฉันขึ้นเมียะรอจญ ฉันได้เห็นทางด้านขวาของอะรัชได้บันทึกนามต่างๆทั้งสิบสองของอะอิมมะฮ์ไว้ว่า..
 فإذاً علي و فاطمة و الحسن و الحسين و علي بن الحسين و محمد بن علي و جعفر بن محمد و موسي بن جعفر و علي بن موسي و محمد بن علي و علي بن محمد و الحسن بن علي و محمد المهدي كأنّه كوكب درّيّ بينهم ،..
จากนั้นฉันเห็นว่าชื่อของ มะฮดีย์ เปรียบดั่งรัศมีของดวงดาวที่เปร่งแสงออกมาท่ามกลางชื่อของพวกเขาทั้งหลาย จากนั้นได้มีเสียงหนึ่งเปร่งมาจากพระองค์ว่า
"โอ้มุฮำมัด พวกเขาเหล่านี้คืออุจญะฮ(ข้อพิสูจน์)ของฉัน และเป็นตัวแทนของเจ้า มะฮดีย์ก็มาจากพวกเขา ขอสาบานเขามะฮดีย์คนนี้คือ ผู้ที่จะมาต่อต้านคัดค้านต่อสู้ต่อเหล่าศรัตรู และเขาคือผู้ช่วยเหลือเหล่าบรรดาตัวแทนคนอื่นของฉัน"(กอรซะมีย์ มัคตัล ฮุเซน 95/203)
3-วันหนึ่งยะฮูดีย์มาหาท่านนบี ศ.ที่มัสยิด และถามว่า:
أخبرني عن وصيّك مَن هُوَ ؟ فما مِن نبيٍّ إلا و له وصيٌّ ، و إنّ نبيّنا موسي بن عمران أوصي الي يوشع بن نون فقال رسول الله : إن وصيي علي بن أبي طالب ، وبعده سبطاي الحسن والحسين ، تتلوه تسعة أئمة من صلب الحسين . قال : يا محمد فسمهم لي ؟ قال : إذا مضى الحسين فابنه علي ، فإذا مضى علي فابنه محمد ، فإذا مضى محمد فابنه جعفر ، فإذا مضى جعفر فابنه موسى ، فإذا مضى موسى فابنه علي ، فإذا مضى علي فابنه محمد ، فإذا مضى محمد فابنه علي ، فإذا مضى علي فابنه الحسن ، فإذا مضى الحسن فابنه الحجة محمد المهدي ، فهؤلاء إثنا عشر .
"โอ้นบี จงบอกพวกเราสิว่า ใครคือตัวแทนของท่านไม่มีนบีท่านใดในยุคก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่มีตัวแทน แม้กระทั้งมูซาที่เป็นนบีของเราเขาก็ยังมีฮารูน หลังจากฮารูน ก็ยังมียูชะฮ์ บินนุน เป็นตัวแทน นบี ศ.กล่าวขึ้นว่า ตัวแทนของฉันคือ อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ อ.และหลังจากเขา...(คืออะอิมมะฮ์ทั้งสิบสองท่าน คนสุดท้ายคือ มะฮดีย์)
หนังสือ ฟะรออิดุซ ซัมฏีน 2/132,ญะนาบิอุล มะวัดดะฮ 3/282
4-จากท่าน อับดุลมาลิก บิน อุมัยร์ จากท่าน ญาบีร บินซัมเราะฮ ว่า:
عن كتاب مودة القربى عن عبد الملك بن عمير عن جابر بن سمرة قال: كنت مع أبى عند النبي (صلى الله عليه وآله) فسمعته يقول:
" بعدي اثني عشر خليفة ثم أخفى صوته فقلت لأبي ما الذي أخفى صوته ؟ قال: قال: " كلهم من بني هاشم "
นบี ศ.กล่าวว่า"ภายหลังจากท่านนั้นจะมีสิบสองเคาะลีฟะฮผู้นำ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะมาจากเผ่าบะนีฮาชิม" (ยะนาบิอุล มะวัดดะฮ หน้า445)
5-ท่าน อัสคิลานีย์ รายงานจากท่าน นบี ศ.ว่า:
من أحب أن يحيي حياتي و يموت ميتتي و يدخل الجنة، فليتول علياً و ذريته من بعده.
"ใครที่ต้องการให้การมีชีวิต หรือการตายของเขาเหมือนกับการมีชีวิต หรือการตายของฉัน และต้องการเข้าสู่สวรรค์นั้น พวกเขาจะต้องยอมรับในตัวของอะลีและลูกหลานของอะลีว่าเป็นตัวแทนและเป็นอิมาม" (อิบนิ หะญัร อัสกิลานีย์2/485)
6-อบู นะอีม จากท่านนบี ศ.ว่า:
من سره أن يحيا حياتي و يموت مماتي و يسكن جنة عدن غرسها ربي، فليوال عليا من بعدي و ليوال وليه و ليقتد بالأئمة من بعدي.
"ใครที่ต้องการให้การมีชีวิต และการตายของเขา เหมือนกับฉันและต้องการที่จะพำนักในสวรรค์ จำเป็นที่เขาจะต้องยอมรับและศรัทธาว่าอะลีและตัวแทนของเขา คือตัวแทนของฉันและเป็นอิมามผู้นำภายหลังจากฉัน"( อิลลี่ ยะตุล เอาลิยา อบูนะอีม1/86)
# นี่คือหลักฐานที่มาของคำว่าชีอะห์อิมามียะฮเป็นกลุ่มชนที่นบีได้ยืนยันถึงความถูกต้องและเป็นผู้สืบทอดแทนท่านภายหลังจากการเสียชีวิตของท่าน ที่ประชาติจะต้องปฏิบัติตามพวกเขาเพื่อให้รอดพ้นจากการหลงทาง