บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่6
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่6
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 6:29:35 7-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่6


เหตุผลที่ 1: พลังอำนาจของอิสลามอยู่ในชีวิต
(จิตวิญญาณ)ของเด็กๆของพวกเขา  
เพราะบุคคลที่เป็นมุสลิมนั้นเขาจะน้อมรับคำสั่งสอนของอิสลามโดยดุษณี โดยที่มนุษย์สามารถประจักษ์เห็นถึงอิทธิพลและบทบาทของอิสลามที่มีเหนือสามัญชนที่เป็นมุสลิมและสิ่งนี้ก็เหมือนกับการเข้าไปมีบทบาทของศาสนาคริสต์ในตัวของนักพรตเช่นกัน ที่ยอมพลีชีวิตแต่ไม่ยอมที่จะละทิ้งศาสนา และการมีอยู่ของมุสลิมนิกายชีอะฮ์ในอิหร่านนั้นสร้างความหวาดกลัวอย่างยิ่งสำหรับเรา เพราะบรรดาชีอะฮ์ถือว่าพวกคริสเตียนนั้นสกปรก(นะญิส)ที่จะต้องชำระล้าง เหมือนกับว่าเมื่อครั้นที่มือของเราได้สัมผัสกับสิ่งสกปรกเราจะต้องพยายามชำระให้สะอาดและชีอะฮ์ก็มีทัศนะคติเช่นนี้ คือ จะต้องออกห่างจากชาวคริสเตียน
มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ถามชีอะฮ์คนหนึ่งว่า ทำไมชาวชีอะฮ์จึงมีทัศนะคติที่รุนแรงต่อชาวคริสเตียน?
เขาตอบว่า  ท่านศาสดาแห่งอิสลามเป็นผู้ที่มีวิทยปัญญา และ ด้วยวิทยปัญญาของท่านจึงได้ทำการบีบบังคับผู้ปฏิเสธทั้งหลาย เพื่อที่จะให้พวกเหล่านั้นได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยในเรื่องราวของอิสลาม เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความเชื่อ และ การปฏิบัติตามสิ่งงมงาย อันเป็นเหตุที่จะได้รับทางนำอันเที่ยงตรง และหันหน้าเข้าสู่พระองค์
ซึ่งในลักษณะเช่นนี้เราก็สามารถเห็นในกรณีที่รัฐบาลรู้สึกตัวว่า ภัยอันตรายของบุคคลหนึ่งที่คุกคามอำนาจรัฐ ก็จะทำการกดดันบีบคั้นให้เขาผู้นั้นยอมมอบตัวและปฏิบัติตามรัฐ
สิ่งสกปรก(นะญิส)ที่กล่าวมานั้นมิได้หมายถึงสิ่งสกปรกภายนอก แต่คือสิ่งสกปรกทางจิตวิญญาณ และมิได้เจาะจงเฉพาะชาวคริสเตียนเท่านั้น แต่มันยังครอบคลุมทุกๆ คนที่ปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า แม้แต่ผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์(พวกบูชาไฟ)  ในอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ และตามทัศนะของอิสลามถือว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นสิ่งสกปรก (นะญิส)
ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า: ชาวคริสเตียนก็มีความศรัทธาต่อพระเจ้า ศาสนทูตและโลกหน้าเช่นกัน แล้วทำไมจึงยังกล่าวหาว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นนะญิส ?
เขาตอบว่า: ด้วยสาเหตุ 2 ประการ
ประการแรก ชาวคริสเตียนได้ปฏิเสธการเป็นศาสดาของมุฮัมหมัดและการกระทำในลักษณะเช่นนี้ เสมือนกับพวกเขากล่าวว่า ศาสดามุฮัมหมัดเป็นคนโกหก ดังนั้นเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว พวกเราจึงกล่าวว่า: พวกคุณ ชาวคริสเตียนนั้นแหละเป็นนะญิส และบนพื้นฐานแห่งสติปัญญาของมนุษย์เองก็ได้ให้การยอมรับว่า: ผู้ใดก็ตามที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน เจ้าก็มีสิทธิที่จะทำให้เขาผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
ประการที่สอง ชาวคริสเตียนได้กล่าวหาและใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา แก่ บรรดาศาสนทูต เช่น -: นบีอีซาได้ดื่มเหล้าและถูกสาปแช่ง จนทำให้ถูกตรึงไว้ที่ไม้กางแขน
ข้าพเจ้าได้ตอบด้วยความตกตะลึงว่า -: ชาวคริสเตียนมิได้มีความเชื่อลักษณะเช่นนี้
เขาตอบว่า -: คุณยังไม่รู้, เพราะชาวคริสเตียนได้มีการพูดจากันในสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์
ข้าพเจ้าได้นั่งเงียบ ในขณะที่มีความเชื่อมั่นว่า ชายชีอะฮ์ผู้นี้ได้พูดความจริงเพียงแค่ประเด็นแรกแต่พูดโกหกในประเด็นที่สอง ซึ่งข้าพเจ้าไม่อยากที่จะทำการถกเถียงกับเขาอีกต่อไป เพราะเกรงกลัวว่าเขาจะสงสัยในตัวข้าพเจ้าที่ปลอมตัวเป็นมุสลิมและจะพยายามหลีกห่างจากการใช้ความรุนแรงในการถกเถียงอยู่เสมอ