บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่25
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่25
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 12:38:45 14-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่25


 สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม
มุฮัมหมัด บิน อับดุลวะฮาบ เป็นเด็กหนุ่มที่มีความคิดที่เป็นอิสระ  แรกเริ่มเดิมที เขามิได้มีความอคติ ( ตะอัศศุบ) ในการต่อต้านนิกายชีอะฮ์ ซึ่งจะมีความแตกต่างกับคนส่วนใหญ่ของผู้ที่นับถือนิกายซุนนีที่มีการตะอัศศุบและต่อต้านนิกายชีอะฮ์ โดยจะมีผู้อาวุโสจากนิกายซุนนีกล่าวหาว่าชีอะฮ์คือ กาเฟร และไม่ใช่มุสลิม และเช่นกัน มุฮัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ ก็มิเคยให้ความสำคัญใดๆ ต่อนิกายทั้งสี่ ด้วยเหตุที่ว่า มิได้มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่า ทั้ง 4 นิกายนั้นถูกแต่งตั้งมาจากพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด
 เรื่องราวความเป็นมาของทั้ง 4 นิกาย มีรายละเอียดดังนี้ หลังจากการเสียชีวิตของท่านศาสดามุฮัมหมัดได้ผ่านไป 1 ศตวรรษ นิกายทั้ง 4 ของชาวซุนนีก็ได้ก่อตัวขึ้นมา ด้วยการสถาปนาของ อะบูฮะนีฟะฮ์ (นิกายฮานาฟี) อะห์มัด บิน ฮัมบัล (นิกายฮัมบาลี) มาลิก (นิกายมาลีกี) และมุฮัมหมัด บิน อิดรีส (นิกายชาฟีอี)
 ช่วงยุคสมัยแห่งการปกครองของคอลีฟะฮ์ แห่ง อับบาซียะฮ์นั้น ได้มีการบังคับ ขู่เข็ญ ประชาชนให้เลือกปฏิบัติ (ตักลีด) ตามคนใดคนหนึ่งจากผู้รู้ทั้งสี่นิกายดังกล่าว  ส่วนผู้รู้คนอื่นๆ ภายหลังจากนี้แล้ว จะไม่มีสิทธิใดๆ ในการอิจญ์ติฮาด (วินิจฉัย) จากอัลกุรอาน และแบบฉบับของท่านศาสดา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การมีมาตรการแบบนี้ถือว่า เป็นการสกัดกั้นการทำความเข้าใจและวินิจฉัยสิ่งใหม่ๆ ให้เข้ากับความเจริญก้าวหน้าแห่งยุคสมัย ดังนั้นความล้าหลังของบรรดามุสลิมทั้งหลายก็เกิดมาจากการสั่งห้ามและสกัดกั้นการ อิจญ์ติฮาดนั่นเอง
 จากเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของชีอะฮ์ ในการเผยแพร่หลักคำสอนที่เที่ยงตรงของนิกายตนเอง การเผยแพร่ในครั้งนี้นั้นสามารถทำให้จำนวนผู้นับถือนิกายชีอะฮ์เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น โดยดูจากสถิติตัวเลขแล้วเกือบจะเท่ากับจำนวนของชาวซุนนี
 แน่นอนการที่จะประสบความสำเร็จในครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของเหตุและผล เพราะว่าการ อิจญ์ติฮาดนั้น ก่อให้เกิดการวิวัฒนาการในด้านหลักนิติศาสตร์แล้วนำมาซึ่งความเข้าใจใน อัลกุรอานและ ซุนนะฮ์ ตามความต้องการแห่งยุคสมัย เสมือนกับอาวุธที่มีการคิดค้น พัฒนา ชนิดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ
การกำหนดทิศทางอันมีขอบเขตที่จำกัดของนิกาย การปิดประตูแห่งการทำความเข้าใจอีกทั้งการไม่รับฟัง ไม่สนใจต่อข้อเรียกร้องแห่งความต้องการของโลกปัจจุบันนั้น เปรียบเสมือนดั่งอาวุธที่เก่าโบราณไร้ซึ่งแสนยานุภาพ
 ดังนั้นหากคุณมีอาวุธที่เก่าแก่ไม่ทันสมัย และไร้แสนยานุภาพแต่ศัตรูมีอาวุธที่ทันสมัยและมีแสนยานุภาพแล้ว แน่นอนยิ่ง ไม่ช้าหรือเร็วศัตรูก็จะต้องเป็นผู้กำชัยเหนือพวกคุณอย่างแน่นอน
 ข้าพเจ้าคิดว่า อีกไม่ช้าบรรดานักคิดชาวซุนนีทั้งหลาย จะต้องเปิดประตูแห่งการ อิจญิติฮาด อย่างแน่นอน เพราะหากมิฉะนั้นแล้ว ข้าพเจ้าขอเตือนพวกเขาได้เลยว่า อีกไม่กี่ศตวรรษข้างหน้าจะทำให้พี่น้องชาวซุนนีต้องกลายเป็นชนส่วนน้อยและชีอะฮ์จะกลายเป็นชนส่วนใหญ่อย่างแน่นอน
 ชายหนุ่มผู้นี้ คือ มุฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮับจะเอาความเข้าใจของตนเองเป็นบรรทัดฐานในการทำความเข้าใจ อัลกุรอานและซุนนะฮ์ซึ่งเขาจะไม่นำเอาทัศนะของผู้อาวุโสแห่งนิกายต่างๆ มาใช้ประกอบในการทำความเข้าใจต่อคัมภีร์อัล-กุรอานและซุนนะฮ์ แม้แต่ทัศนะของอบูบักร และอุมัร เองที่ขัดแย้งกับอัล-กุรอานและซุนนะฮ์ เขาก็ยังไม่นำเอามาใช้และทำการขว้างทิ้งด้วยซ้ำ  ซึ่งเขาได้พูดว่า ท่านศาสดาได้กล่าวว่าฉันได้ละทิ้ง อัล-กุรอานและซุนนะฮ์ไว้สำหรับพวกเจ้า แต่ท่านศาสดามิได้กล่าวว่า ฉันได้ละทิ้งอัล-กุรอาน ซุนนะฮ์ และซอฮาบะฮ์และนิกายทั้งสี่ไว้สำหรับพวกเจ้า
 ดังนั้นสิ่งที่เป็นวาญิบสำหรับเราในการเชื่อฟังปฏิบัติตามจะมีเพียงแค่ อัล-กุรอานและซุนนะฮ์เท่านั้น ส่วนซอฮาบะฮ์และผู้อาวุโสถือว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังพวกเขา


........... โปรดติดตามตอนต่อไป