บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่38
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่38
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 7:49:1 4-9-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่38


สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม


ช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองแบกแดดนั้น ได้เห็นถึงความแตกต่าง  ระหว่างเมืองหลวงของรัฐบาลการปกครองของอุษมานียะฮ์ ในตุรกีกับเมืองแบกแดด และประจักษ์ชัดถึงการดูหมิ่นและเกลียดชังของชาวเติร์กที่มีต่อชาวอิรัก ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาเป็นชาวอาหรับและไม่สามารถที่จะวางใจพวกเขาได้
 ในระยะเวลาที่ข้าพเจ้าได้เดินทางจากเมืองบัศเราะฮ์ไปยังเมืองกัรบะลาและนะญัฟนั้น ข้าพเจ้ามีความวิตกกังวลและเป็นห่วงถึง สภาพความเป็นอยู่ของ มุฮัมหมัด บินอับดุลวาฮับ เพราะข้าพเจ้ายังไม่เชื่อมั่นถึงตัวตนของเขาสักเท่าใด ว่าเขาสามารถปฏิบัติตามนโยบายของข้าพเจ้าที่ได้กำหนดไว้  เพราะมุฮัมหมัดเป็นคนที่มักเปลี่ยนสถานภาพอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นคนขี้โมโหด้วย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีความหวาดกลัวอย่างยิ่งว่า อย่าให้ความใฝ่ฝันของข้าพเจ้าต้องสูญสลายเลย 
 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะอำลาจากมุฮัมหมัดนั้น เขาตัดสินใจว่าจะไปตุรกี “ศูนย์กลางการปกครองราชวงศ์อุษมานียะฮ์” เพื่อไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ แต่ทว่าข้าพเจ้าสั่งห้ามมิให้เขาไป โดยที่พูดกับเขาว่า เป็นไปได้ว่า บางทีคุณอาจจะเอ่ยพูดทัศนะของคุณออกไปและพวกเขาปฏิเสธ ซึ่งบางที่พวกเขาอาจจะกล่าวหาคุณได้ว่าเป็นกาฟิรและอาจจะถูกฆ่าในสุดก็ได้
 แต่ในความเป็นจริงนั้นข้าพเจ้ามีความหวาดวิตกว่า เมื่อเขาได้ไปที่นั่น บางที่อาจจะพบเจอนักการศาสนา นักวิชาการ และพวกเขาอาจจะชี้ทางแห่งสัจธรรมกับเขาได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นความใฝ่ฝันของผมต้องจบสิ้นลง
 มุฮัมหมัดไม่ยอมอยู่ในเมืองบัศเราะฮ์อีก ข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า ไปอิศฟะฮานและชิราซจะดีกว่า เพราะเมืองทั้งสองเป็นเมืองที่สวยงามน่าเที่ยวชม และประชาชนก็เป็นชีอะฮ์อีกด้วย
 ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า การที่ชีอะฮ์จะสามารถลบล้างความเชื่อถือของเขานั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความหมดห่วง และความกังกังวลเมื่อได้อำลาจากเขา
 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากเขาไปนั้น ได้ถามเขาว่า …คุณมีความเชื่อเรื่องตะกียะห์“การอำพรางตน”หรือไม่?
เขาตอบว่า… ใช่ผมมีความเชื่อ เพราะหนึ่งในสาวกของท่านศาสดา ก็ได้ทำการตะกียะห์ และคิดว่าสาวกคนนั้นชื่อว่า มิกดาด ช่วงที่บรรดามุชริกีนได้ทำการทารุณกรรมครอบครัวเขา และบิดามารดาของเขาถูกสังหาร จนกระทั่งเมื่อถึงตัวเขา เขาจำยอมปฏิบัติตามคำพูดของ มุชริกีน ซึ่งการกระทำของเขาในลักษณะเช่นนั้นท่านศาสดาได้ให้การยอมรับ
 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกเขาว่า ในการเดินทางไปอิหร่านนั้น คุณต้องตะกียะห์ และอย่าพูดเด็ดขาด ว่า คุณคือชาวซุนนีเพื่อที่จะไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวคุณและคุณยังสามารถที่จะได้ใช้ประโยชน์จากประเทศของเขาและอุลามาของเขา อีกทั้งยังสามารถรับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีการปฏิบัติของพวกเขาอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วยังคุณประโยชน์ทั้งสิ้นสำหรับอนาคตในภายภาคหน้าของคุณ
 ข้าพเจ้าได้ยื่นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการจ่ายซะกาตให้เขา และยังได้ซื้อพาหนะเดินทางเป็นของกำนัลให้แก่เขาแล้วเราทั้งสองก็ได้จากกัน
 ในขณะที่เราแยกจากกันนั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเขาจะตัดสินใจเดินทางไปยังหนทางไหน ดังนั้นจึงมีความวิตกเป็นอย่างมาก จึงได้สัญญากับเขาว่า เราจะนัดพบเจอกันอีกครั้งที่เดิมคือ บัศเราะฮ์และเราทั้งสองก็ได้กลับมาตามนัด
 หลังจากนั้นเราทั้งสองก็ไม่ได้พบเจออีก แต่ก็จะเขียนจดหมายถึงกัน ซึ่งจะฝากไว้ที่อับดุลริฎอ และเราก็จะได้รับรู้ความเป็นอยู่ของกันและกันจากจดหมายนี้
..................โปรดติดคามตอนต่อไป
สถาบันศึกษาศาสนา อัล-มะฮฺดียะห์