บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่29
  • ชื่อ: บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่29
  • นักเขียน:
  • แหล่งที่มา:
  • วันที่วางจำหน่าย: 13:45:46 16-8-1403

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)ตอนที่29


สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม
วันที่สามแห่งช่วงเวลาของการมุตอะฮ์ ข้าพเจ้าได้สนทนากับมุฮัมหมัดในประเด็นหัวข้อ สิ่งมึนเมามิได้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามในอิสลาม โดยใช้เวลานานพอสมควร ถึงแม้ว่าเขาจะยกหลักฐานข้ออ้างอิงที่แข็งแรงมาจากกุรอานและฮะดีษก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังสามารถทำการแย้งเหตุผลต่างๆ ของเขาได้อย่างง่ายดาย 
 ข้าพเจ้าได้พูดว่า :ในหนังสือประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้และถูกยอมรับ และหนังสือที่ศอเฮียะห์ต่างๆ ได้บันทึกว่า มุอาวียะฮ์ ยะซีด และบรรดาคอลีฟะฮ์ราชวงค์อุมัยยะฮ์ และอับบาซียะฮ์ ได้เสพสุรา สิ่งมึนเมา ดังนั้นสามารถกล่าวได้หรือว่า พวกเขาเหล่านั้นได้หลงทาง จะมีเพียงคุณเท่านั้นหรือที่อยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรง ?
 และไม่เป็นสิ่งที่สงสัยคลางแคลงด้วยอีกว่าพวกเขาเหล่านั้นเข้าใจคัมภีร์อัล-กุรอานและแบบฉบับของท่านศาสดามากกว่าเราด้วยซ้ำ ซึ่งจากการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นสามารถเข้าใจได้ว่าการดื่มสุรามิได้เป็นสิ่งต้องห้ามแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพียงแค่สิ่งมักรูฮ์  (ควรละทิ้ง)
 ในคัมภีร์ของยะฮูดีและนัศรอนีก็ได้บอกกล่าวถึงการอนุญาตในสิ่งนี้เช่นกัน ดังนั้นมันเป็นไปได้หรือที่ว่าการดื่มสุราเป็นสิ่งอนุญาตในศาสนาหนึ่งแต่ในอีกศาสนาหนึ่งได้สั่งห้าม? ในขณะที่ศาสนาทั้งหลายล้วนมาจากพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
 นอกจากนี้แล้วในหนังสือฮะดีษก็ได้มีการบันทึกว่า: อุมัรเคยดื่มเหล้า จนเป็นสาเหตุแห่งการประทานโองการลงมาว่า: สูเจ้ายังมิได้ละทิ้งการดื่มอีกหรอกหรือ? (ซูเราะฮ์อัลมาอีดะฮ์ โองการ 91)
ดังนั้นหากสิ่งมึนเมาเป็นข้อต้องห้ามอย่างแท้จริงแล้ว ท่านศาสดาจะต้องทำการลงโทษอุมัร แต่ทว่าท่านมิได้ทำการลงโทษแต่ประการใด ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ของท่านศาสดาเป็นการบ่งชี้ว่า การดื่มสิ่งมึนเมานั้นมิได้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามแต่อย่างใด
 มุฮัมหมัดได้ฟังคำพูดของข้าพเจ้าอย่างใจจดใจจอแล้วก็พูดว่า: ใช่แล้วเป็นสิ่งถูกต้อง เพราะในด้านริวายะห์ก็ได้ทำการยืนยันอย่างชัดเจนว่ามีบางริวายะฮ์บันทึกว่า: อุมัรได้ทำการผสมเหล้ากับน้ำแล้วก็ได้ดื่มมัน แล้วพูดขึ้นมาว่า: เหล้าที่ทำให้มึนเมาเท่านั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้าม ส่วนที่มิได้ทำให้มึนเมา ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามในการดื่มแต่อย่างใด  นั้นหมายความว่า  อนุญาตให้ดื่มได้
 ทำให้ข้าพเจ้าเสริมคำพูดด้วยว่า แสดงว่าอุมัรเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างถูกต้อง และการใช้เหตุผลอ้างอิงของอุมัรก็เป็นการใช้เหตุผลที่มีน้ำหนักถูกต้อง เพราะ อัลกุรอานได้กล่าวว่า: แท้จริงซาตานนั้นเพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกเจ้าในเรื่องสุราและการพนันเท่านั้น และสิ่งเหล่านี้แหละที่จะขัดขวางพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺและการนมาซ แล้วพวกเจ้าจะยุติไหม?
 ซึ่งหากว่าสุรามิได้นำมาซึ่งความมึนเมาแล้ว มูลเหตุในโองการนี้ที่ว่าด้วย โทษภัยและความเสื่อมโทรมต่างๆ ที่จะมีมานั้นก็จะไม่มีผล  ดังนั้นแสดงว่าสุรานั้นมิได้เป็นสิ่งต้องห้าม หากว่ามันมิได้นำมาซึ่งความมึนเมา
 ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซอฟียะฮ์ ฟัง และได้กำชับแก่เธอด้วยว่า จงพยายามทำให้มุฮัมหมัดดื่มเหล้าให้ได้ ซึ่งซอฟียะฮ์ก็สามารถทำได้สำเร็จ ซอฟียะฮ์เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า มุฮัมหมัดได้ดื่มเหล้าอย่างเมามันและก็ได้ร่วมหลับนอนกับเธอตั้งหลายครั้ง ช่วงเช้าที่เข้าตื่นขึ้นมานั้นสามารถมองเห็นถึงความอ่อนเพลียของเขาจากการร่วมหลับนอน  สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละที่เป็นเหตุทำให้ข้าพเจ้าและซอฟียะฮ์ สามารถควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ช่างเป็นคำพูดที่สวยงามและมีค่ายิ่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงล่าอาณานิคม ที่ได้บอกข้าพเจ้าในครั้งที่ข้าพเจ้าจะทำการอำลาว่า: การที่เราสามารถยึดครองสเปนได้มาจากพวกมุสลิมนั้น ก็ด้วยการใช้สุราและสิ่งอบายมุขเป็นเครื่องมือ ดังนั้นเราจะต้องใช้วิธีเดิมๆ เหล่านี้อีก ต่อประเทศต่างๆ ที่เหลืออยู่ เพื่อให้เราสามารถเข้าไปยึดครองและครอบงำประเทศเหล่านั้น
.........โปรดติดตามตอนต่อไป